จับตายอดผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานสหรัฐฯ
สัปดาห์ที่ผ่านมาภาพรวมเศรษฐกิจโลกยังคงซบเซาหนักชี้จากยอดค้าปลีก(Retail Sales)ทั้งในสหรัฐฯและจีนที่หดตัวราว 9%และ 16% จากเดือนก่อนหน้าตามลำดับ
ติดตามยอดผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานสหรัฐฯโดยตลาดมีโอกาสเปิดรับความเสี่ยง(Risk-On)ต่อหากยอดดังกล่าวเริ่มลดลงชี้ว่าตลาดแรงงานสหรัฐฯอาจผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว
เชื่อว่าตลาดจะยังอยู่ในภาวะเปิดรับความเสี่ยงลดความน่าสนใจของเงินดอลลาร์ในฐานะSafe Havenทั้งนี้ยังมีโอกาสที่ตลาดจะปิดรับความเสี่ยง(Risk-Off) อย่างรวดเร็วหากหลายประเทศโดยเฉพาะสหรัฐฯผ่อนคลายมาตรการLockdown เร็วเกินไปทำให้สถานการณ์การระบาดของCOVID-19 ทวีความรุนแรงมากขึ้น
กรอบเงินบาทสัปดาห์หน้า 32.25-32.75 บาท/ดอลลาร์
มุมมองนโยบายการเงิน
การประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงินธนาคารกลางรัสเซีย (CBR) ในวันศุกร์ตลาดมองว่าCBR จะ“ลด”อัตราดอกเบี้ยนโยบาย(Key Rate) 0.50% สู่ระดับ5.5% จากภาพเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลงหนักทำให้CBR ต้องใช้นโยบายการเงินที่ผ่อนคลายเพื่อพยุงเศรษฐกิจ
มุมมองเศรษฐกิจทั่วโลก
ฝั่งสหรัฐฯ –ในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมาปัจจัยสำคัญที่กดดันแนวโน้มเศรษฐกิจคือยอดผู้ขอรับสวัสดิการว่างงาน(Initial Jobless Claims)ที่เพิ่มขึ้นสัปดาห์ละไม่น้อยกว่า 5 ล้านรายอย่างไรก็ดีสัปดาห์ที่ผ่านมาตัวเลขดังกล่าวเริ่มออกมาน้อยกว่าคาดทำให้ตลาดมองว่าตลาดแรงงานสหรัฐฯอาจถึงจุดต่ำสุดแล้วซึ่งยอดผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานในสัปดาห์นี้อาจย้ำมุมมองดังกล่าวได้หากลดลงสู่ระดับ 4.5 ล้านรายทั้งนี้ตลาดมองว่าผลกระทบจากการระบาดของCOVID-19 จะส่งผลให้ภาคการผลิตและการบริการซบเซาต่อเนื่องชี้จากดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคการผลิตอุตสาหกรรมและภาคการบริการ(Manufacturing and Services PMIs) ในเดือนเมษายนที่จะลดลงสู่ระดับ 38จุดและ31จุดตามลำดับขณะเดียวกันยอดสั่งซื้อสินค้าคงทน(Durable Goods Orders) เดือนมีนาคมซึ่งเป็นตัวชี้วัดการลงทุนภาคเอกชนก็จะหดตัวถึง 12%จากดือนก่อนหน้า
ฝั่งยุโรป–ผลกระทบการระบาดของCOVID-19 ทำให้ตลาดมองว่าภาคการผลิตและภาคการบริการจะหดตัวรุนแรงสะท้อนจากดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคการผลิตอุตสาหกรรมและภาคการบริการ(Manufacturing and Services PMIs) ในเดือนเมษายนที่จะลดลงสู่ระดับ 38จุดและ23จุดตามลำดับขณะเดียวกันดัชนีความเชื่อมั่นภาคธุรกิจของเยอรมนี(IFO Business Climate)ในเดือนเมษายนก็จะปรับตัวลดลงจากระดับ 86.1จุดเหลือ 80จุด
ฝั่งเอเชีย–
แนวโน้มเศรษฐกิจจีนที่ชะลอตัวลงหนักจะหนุนให้ธนาคารกลางจีนตัดสินใจลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้อ้างอิง 1ปี(LPR 1-year) 0.20% เหลือ 3.85% ซึ่งจะช่วยหนุนการฟื้นตัวเศรษฐกิจหลังทางการจีนเริ่มผ่อนคลายมาตรการคุมการระบาดของCOVID-19 ส่วนในฝั่งเกาหลีใต้ตลาดคาดว่าอัตราการเติบโตเศรษฐกิจในไตรมาสแรกจะโต0.7% จากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนสะท้อนถึงภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวหนักจากที่เคยขยายตัวได้2.3% ในไตรมาสก่อนหน้า
ฝั่งไทย–
ตลาดคาดว่าผลกระทบจากการค้าโลกที่ซบเซาจะส่งผลให้ยอดส่งออก(Exports)เดือนมีนาคมหดตัว 5.8%จากปีก่อนหน้าแย่ลงจากที่หดตัว 4.5%ในเดือนก่อนหน้า