ในสัปดาห์นี้จะมีการประกาศตัวเลขเศรษฐกิจที่น่าสนใจทั่วโลก
เริ่มตั้งแต่วันนี้ ยังเห็นการหดตัวของการค้าญี่ปุ่น จากทั้งการส่งออกและนำเข้า ปรับตัวลดลงถึง 11.7% และ 5.0% ตามลำดับ ชี้ให้เห็นว่าทิศทางการค้าโลกยังต้องรอให้ฝั่งยุโรปและอเมริกากลับมาทำธุรกิจได้ตามปกติก่อน
ตามด้วยในวันอังคาร คาดว่าจะเห็นตัวเลขการนำเข้าและส่งออกของไทยที่หดตัว 5.8% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน อย่างไรก็ดี การเกินดุลการค้าจะอยู่ในระดับสูงที่ 2.7 พันล้านดอลลาร์ จากการนำเข้าที่ลดลงเร็ว
ขณะที่ในวันพุธ ก็ต้องจับตาการรายงานตัวเลขสต๊อกน้ำมันดิบในฝั่งสหรัฐอเมริกา (EIA Crude oil inventory) ที่ในสัปดาห์ก่อนปรับตัวสูงขึ้นถึงระดับ 19 ล้านบาร์เรล ถ้ายังปรับตัวสูงขึ้นต่อในระดับนี้ จะสร้างแรงกดดันบนราคาน้ำมันด้วยความกังวลเรื่องสถานที่พักน้ำมันอีกครั้ง
และที่น่าสนใจที่สุดคือในวันพฤหัส ที่ต้องจับตาตัวเลขผู้ขอรับสวัสดิการการว่างงานใหม่ในสหรัฐ (Initial Jobless Claims) ที่คาดว่าจะลดลงเหลือ 4.5 ล้านคนในสัปดาห์ก่อน อย่างไรก็ดี การว่างงานในระดับเกินล้านตำแหน่งติดกันเป็นสัปดาห์ที่สี่ ชี้ว่าเศรษฐกิจสหรัฐยังมีโอกาสชะลอตัวลงได้อีก
อย่างไรก็ดีฝั่งตลาดเงินอาจเห็นผันผวนน้อยลงเรื่อยๆ ตามดัชนีวัดความกลัว (VIX Index) ที่ทยอยปรับตัวลง โดยในระยะสั้น ดอลลาร์จะได้รับแรงหนุนต่อจากราคาน้ำมันที่อยู่ในระดับต่ำ ขณะเดียวกันก็น่าจะมีเงินทุนไหลเข้าจากผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนในฝั่งสหรัฐที่แข็งแกร่งกว่าในกลุ่มประเทศพัฒนาแล้วอื่นๆ ด้วย
แต่เมื่อเทียบกับสกุลเอเชียและเงินบาท เงินดอลลาร์ อาจแข็งค่าไม่มาก เนื่องจากตัวเลขเศรษฐกิจผ่านจุดต่ำสุดไปก่อนแล้ว ขณะเดียวกันทิศทางการระบาดของไวรัสก็ทยอยดีขึ้นในหลายประเทศ ทำให้แรงขายสินทรัพย์เสี่ยงมีไม่มากเหมือนช่วงก่อนหน้า
กรอบเงินบาทรายสัปดาห์ 32.20 ถึง 32.70 บาทต่อดอลลาร์