รับส่วนลด 40%
ใหม่! 💥 รับ ProPicks เพื่อดูกลยุทธ์ที่ให้ผลตอบแทน ชนะดัชนี S&P 500 มากกว่า 1,183% รับส่วนลด 40%

รายงานผลประกอบการไตรมาสที่ 1 ของหุ้นกลุ่มธนาคารสัปดาห์นี้จะชี้ให้เห็นถึงผลกระทบจากโควิด-19

โดยInvesting.com
ผู้เขียนHaris Anwar
เผยแพร่ 13/04/2563 17:50

ในสัปดาห์นี้ถือเป็นสัปดาห์สำคัญที่เหล่านักลงทุนจะได้เห็นรายงานผลประกอบการในไตรมาสที่ 1 ปี 2020 ของบริษัท สถาบันการเงินหรือธนาคารชื่อดังของสหรัฐฯ อย่างเช่น เจพีมอร์แกน (NYSE:JPM) ซิตี้กรุ๊ป (NYSE:C) แบงค์ ออฟ อเมริกา (NYSE:BAC) โกลด์แมน แซคส์ (NYSE:GS) และเวลล์ ฟาร์โก (NYSE:WFC)เชื่อว่าหลายๆ คนคงจะนึกภาพออกแล้วว่าตัวเลขในไตรมาสนี้จะต้องออกมาหน้าตาเป็นอย่างไรเพราะสถาบันการเงินเหล่านี้ก็ไม่สามารถหนีความเสียหายที่เกิดขึ้นจากไวรัสโคโรนาได้พ้น

ไม่มีธุรกิจธนาคารไหนที่จะไม่ได้รับผลกระทบจากการสั่งปิดเมืองเพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของโรค นอกจากนี้ในไตรมาสที่ 1 เราก็ได้เห็นอัตราดอกเบี้ยที่ถูกปรับลดลงไปจนเหลือ 0% ด้วยฝีมือของธนาคารกลางสหรัฐฯ พร้อมทั้งยังมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจออกมามากมายเพื่อที่จะรักษาอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจเอาไว้ให้ได้มากที่สุด ในขณะเดียวกันผู้บริโภคก็ลดรายจ่ายของตัวเองลงให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ซึ่งการจับจ่ายใช้สอยของผู้บริโภคคือหัวใจหลักของเศรษฐกิจสหรัฐฯ เรื่อยมา

นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าหากสถานการณ์ยังคงเป็นเช่นนี้ต่อไป ธนาคารผู้ปล่อยกู้จะต้องเจอกับปัญหาการผิดนัดชำระหนี้ของบริษัทและอุตสาหกรรมที่ต้องหยุดดำเนินการเพราะไวรัสโคโรนาไม่ว่าจะเป็นธุรกิจโรงพยาบาล การท่องเที่ยว ร้านอาหาร ฯลฯ ที่กำลังพยายามดิ้นรนต่อสู้เพื่อความอยู่รอด จึงไม่น่าแปลกใจเลยที่หลายๆ คนจะเชื่อว่าตัวเลขผลประกอบการของสถาบันการเงินชื่อดังเหล่านี้จะต้องมีตัวเลขออกมาลดลงเมื่อสถานการณ์โดยรอบอยู่ในภาวะเสี่ยงขนาดนี้และภาวะการถดถอยทางเศรษฐกิจกำลังต่อคิวรอซ้ำเศรษฐกิจสหรัฐฯ อยู่   

KBW NASDAQ Bank Index Weekly TTM

ดัชนี KBW Bank ร่วงลง 42% ในไตรมาสที่ 1 ถือเป็นการเริ่มต้นปีที่แย่ที่สุดเป็นประวัติกาลของดัชนี นักวิเคราะห์จากโกลด์แมน แซคส์วิเคราะห์ว่ารายงานผลประกอบการต่อหุ้นของธนาคารใหญ่ๆ อาจลดลงมากถึง 40% ในปี 2020 16% ในปี 2021 และ 10% ในปี 2022 แม้จะได้อัตราดอกเบี้ยที่จะค่อยๆ เพิ่มมากขึ้นในแต่ละปีมาชดเชยก็ยังไม่มากพอกับจำนวนเงินที่จะเสียไปในปีนี้ได้

คลื่นของการถดถอย

สำนักข่าวบลูมเบิร์กได้นำรายงานของโอลิเวอร์ ไวแมนและมอร์แกน สแตนลีย์มาเปิดเผยโดยใช้คำว่า “ธนาคารสำหรับการลงทุนอาจเจอคลื่นแห่งการถดถอย” บางธนาคารอาจพบว่าตัวเองขาดสภาพคล่องในระยะสั้นซึ่งอาจจะทำให้ธนาคารที่ไม่มีแผนการที่ดีต้องล้มลงได้ง่ายๆ ในสถานการณ์เช่นนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในยุโรปที่อัตราผลตอบแทนต่ำกว่า

ต่อให้จบไตรมาสที่ 2 และเศรษฐกิจสามารถดีดกลับขึ้นไปเป็น V-shape ได้ก็ยังไม่สามารถชดเชยกับการสูญเสียในปีนี้ได้อยู่ดี ในกรณีที่เลวร้ายที่สุดโลกจะต้องเข้าสู่ “ภาวะการถดถอยทางเศรษฐกิจครั้งใหญ่” ไม่ว่าจะสั้นหรือยาวรายงานผลประกอบการอาจลดลงมากถึง 277% และจะเป็นสัญญาณบ่งบอกถึงความอ่อนแอของธนาคาร รายงานระบุว่าตัวเลขที่ธนาคารอาจต้องสูญเสียเครดิตสามารถขึ้นไปได้สูงถึง $20,000 - $30,000 ล้านเหรียญแต่ถ้าสมมุติว่าสถานการณ์ดีขึ้นแบบก้าวกระโดดเลย โลกกลับสู่สภาวะปกติได้ทันทีหลังไตรมาสที่ 2 ธนาคารยังต้องสูญเสียเครดิตอยู่ที่ $3,000 - $5,000 ล้านเหรียญอยู่ดี

หายนะของการถดถอยทางเศรษฐกิจและความกดดันทางการเงิน

เจมมี่ ไดมอน CEO ของเจพีมอร์แกนเขียนในจดหมายประจำปีของเขาว่า “ไวรัสโคโรนาจะส่งผลทำให้ระบบเศรษฐกิจหลักๆ ของโลกต้องกลับหัวลงคล้ายกับที่นักลงทุนเคยเจอมาแล้วในปี 2008 ที่เกือบจะทำให้เศรษฐกิจสหรัฐฯ พังลงมา” 

ไดมอนกล่าวต่อว่า “ในกรณีที่เราเจอไม่หนักเศรษฐกิจจะเจอภาวะการถดถอยและอาจจะมีภาวะความกดดันทางการเงินบ้างแบบปี 2008 ซึ่งทางธนาคารของเรายังไม่แน่ใจว่าจะรับผลกระทบนี้ได้มากน้อยแค่ไหน การปรับตัวลดลงมาของเศรษฐกิจขาขึ้นครั้งนี้มีนัยสำคัญเป็นอย่างมาก แม้ทางธนาคารจะไม่อยากลดอัตราการปันผลลง แต่หากต้องทำผู้ถือหุ้นสามารถมั่นใจได้ว่ากระบวนการทุกอย่างเป็นไปด้วยความรอบคอบแล้ว”JPM Weekly TTM

ตลาดจะได้ทราบรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับผลกระทบที่เกิดขึ้นกับเจพีมอร์แกนในการรายงานผลประกอบการวันอังคารที่ 14 เมษายนก่อนตลาดหลักทรัพย์สหรัฐฯ เปิด นักวิเคราะห์คาดว่าเจพีมอร์แกนจะสามารถปันผลกำไรต่อหุ้นได้ $2.2 ต่อหุ้นและมีตัวเลขการทำกำไรทั้งหมดอยู่ที่ $2,950 ล้านเหรียญสหรัฐ

อีกหนึ่งสถาบันการเงินที่จะมีรายงานผลประกอบการไตรมาสที่ 1 ในสัปดาห์นี้คือซิตี้กรุ๊ปซึ่งทางบริษัทจะรายงานผลประกอบการในวันพุธที่ 15 เมษายนก่อนตลาดหลักทรัพย์สหรัฐฯ เปิด นักลงทุนยังมีความเชื่อมั่นในผลงานของซิตี้กรุ๊ปว่าจะยังสามารถทำผลงานได้ดี มีผลประกอบการที่เอาตัวรอดได้ในไตรมาสนี้และยังคงรักษาสถิติธนาคารระดับโลกที่สามารถรักษามาตรฐานการทำกำไรต่อไป

ในความเห็นของ Investing.com เราเชื่อว่าทั้งเจพีมอร์แกนและซิตี้กรุ๊ปมีความพร้อมและศักยภาพมากพอที่จะรับมือกับวิกฤตเศรษฐกิจครั้งนี้ได้ พวกเขาได้รับประโยชน์จากรัฐนิวยอร์กที่ให้ลดดอกเบี้ยเงินกู้ในช่วงทศวรรษที่ผ่านมาและยังได้ปรับพอร์ตของบริษัทอีกด้วย

โดยสรุปแล้ว…

จากวิกฤตโควิด-19 ที่สหรัฐฯ กำลังเผชิญในปัจจุบันทำให้หุ้นกลุ่มธนาคารในตอนนี้ยังไม่ถึงเวลาที่จะทุ่มเงินทั้งหมดให้กับหุ้นกลุ่มนี้ นักลงทุนที่สนใจจะลงทุนกับหุ้นกลุ่มนี้ควรมองที่เป้าหมายระยะยาวมากกว่าที่จะมองในระยะสั้น

สำหรับนักลงทุนที่ต้องการซื้อและถือเอาไว้เราแนะนำให้เลือกหุ้นของเจพีมอร์แกนและซิตี้กรุ๊ปเพราะทั้งคู่มีการกระจายพอร์ตการลงทุนและมีอัตราการปันผลที่เติบโตมาอย่างยาวนาน ปี 2018 อยู่ที่ 3.82% และปี 2019 อยู่ที่ 4.61% ยิ่งไปกว่านั้นพวกเขาทั้งสองยังมีตัวเลขบัญชีงบดุลที่ดีอีกด้วย

ความคิดเห็นล่าสุด

การเปิดเผยความเสี่ยง: การซื้อขายตราสารทางการเงินและ/หรือเงินดิจิตอลจะมีความเสี่ยงสูงที่รวมถึงความเสี่ยงต่อการสูญเสียจำนวนเงินลงทุนของคุณบางส่วนหรือทั้งหมดและอาจไม่เหมาะสมกับนักลงทุนทั้งหมด ราคาของเงินดิจิตอลแปรปรวนอย่างมากและอาจได้รับผลกระทบจากปัจจัยภายนอกต่าง ๆ เช่น เหตุการณ์ทางการเงิน กฎหมายกำกับดูแล หรือ เหตุการณ์ทางการเมือง การซื้อขายด้วยมาร์จินทำให้ความเสี่ยงทางการเงินเพิ่มขึ้น
ก่อนการตัดสินใจซื้อขายตราสารทางการเงินหรือเงินดิจิตอล คุณควรตระหนักดีถึงความเสี่ยงและต้นทุนที่เกี่ยวข้องกับการซื้อขายในตลาดการเงิน ควรพิจารณาศึกษาอย่างรอบคอบในด้านวัตถุประสงค์การลงทุน ระดับประสบการณ์ และ การยอมรับความเสี่ยงและแสวงหาคำแนะนำทางวิชาชีพหากจำเป็น
Fusion Media อยากเตือนความจำคุณว่าข้อมูลที่มีในเว็บไซต์นี้ไม่ใช่แบบเรียลไทม์หรือเที่ยงตรงแม่นยำเสมอไป ข้อมูลและราคาที่แสดงไว้บนเว็บไซต์ไม่ใช่ข้อมูลที่ได้รับจากตลาดหรือตลาดหลักทรัพย์เสมอไปแต่อาจได้รับจากผู้ดูแลสภาพคล่องและดังนั้นราคาจึงอาจไม่เที่ยงตรงแม่นยำและอาจแตกต่างจากราคาจริงในตลาดซึ่งหมายความว่าราคานี้เป็นเพียงราคาชี้นำและไม่เหมาะสมสำหรับวัตถุประสงค์เพื่อการซื้อขาย Fusion Media และผู้ให้ข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้จะไม่รับผิดชอบใด ๆ สำหรับความเสียหายหรือการสูญเสียที่เป็นผลมาจากการซื้อขายของคุณหรือการพึ่งพาของคุณในข้อมูลที่มีในเว็บไซต์นี้
ห้ามใช้ จัดเก็บ ทำซ้ำ แสดงผล ดัดแปลง ส่งผ่าน หรือ แจกจ่ายข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้โดยไม่ได้รับการอนุญาตล่วงหน้าอย่างชัดแจ้งแบบเป็นลายลักษณ์อักษรจาก Fusion Media และ/หรือจากผู้ให้ข้อมูล ผู้ให้ข้อมูลขอสงวนสิทธิในทรัพย์สินทางปัญญาและ/หรือการแลกเปลี่ยนข้อมูลที่ให้ข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้
Fusion Media อาจได้รับผลตอบแทนจากผู้โฆษณาที่ปรากฎบนเว็บไซต์โดยอิงจากปฏิสัมพันธ์ของคุณที่มีกับโฆษณาหรือผู้โฆษณา
เวอร์ชั่นภาษาอังกฤษของเอกสารฉบับนี้เป็นเวอร์ชั่นหลักซึ่งจะเป็นเวอร์ชั่นที่เหนือกว่าเมื่อใดก็ตามที่มีข้อขัดแย้งไม่สอดคล้องตรงกันระหว่างเอกสารเวอร์ชั่นภาษาอังกฤษกับเอกสารเวอร์ชั่นภาษาไทย