Cyber Monday Deal: ลดสูงสุด 60% InvestingProรับส่วนลด

3 ประเทศสำคัญและจุดยืนหลักในการประชุมของกลุ่มโอเปกในวันนี้

เผยแพร่ 09/04/2563 12:06
อัพเดท 09/07/2566 17:31
CL
-
2222
-

โอเปกและกลุ่มประเทศกลุ่มพันธมิตรมีแผนที่จะจัดการประชุมกันขึ้นในวันนี้เพื่อประชุมเกี่ยวกับการลดกำลังการผลิตน้ำมันลงในช่วงที่ตลาดน้ำมันกำลังอยู่ในช่วงวิกฤตและมีน้ำมันอยู่ในตลาดมากเกินไป จากการประชุมครั้งล่าสุดของกลุ่มโอเปกเมื่อเดือนมีนาคมเกือบทำให้กลุ่มประเทศพันธมิตรของโอเปกล่มมาแล้วแต่เพราะทุกประเทศต่างได้รับผลกระทบจากไวรัสโคโรนาเหมือนกันและประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์แห่งสหรัฐอเมริกาได้ออกมากดดันและพยายามทำให้ซาอุดิอาระเบียและรัสเซียกลับมาคุยกันให้ได้ การประชุมในวันนี้จึงเกิดขึ้น

ตลาดมีความเห็นไปในเชิงบวกว่าการประชุมวันนี้อาจจะได้เห็นข้อสรุปที่ออกมาว่าประเทศหลักๆ อย่างสหรัฐอเมริกา รัสเซียและซาอุดิอาระเบียจะร่วมมือกันลดกำลังการผลิตน้ำมันอย่างน้อย 10-15 ล้านบาร์เรล อย่างไรก็ตามจากทวีตเตอร์ของโดนัลด์ ทรัมป์เองเขาก็ไม่แน่ใจว่าอีก 2 ประเทศมหาอำนาจจะเห็นเป็นเช่นไร

ถึงแม้การประชุมครั้งนี้จะเกิดขึ้นแต่ทางซาอุดิอาระเบียและสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ก็ได้ออกมาพูดอย่างชัดเจนแล้วว่าการลดกำลังการผลิตของประเทศในกลุ่มพันธมิตรต่อจากนี้จำเป็นจะต้องได้รับความเห็นชอบจากประเทศกลุ่มผู้ผลิตอื่นด้วยซึ่งในการประชุมครั้งนี้จะมีตัวเทศจากประเทศผู้ที่สามารถผลิตน้ำมันได้อีก 12 ประเทศเข้าร่วมการประชุมและเป็นผู้สังเกตการณ์ในการประชุมครั้งนี้ แม้จะยังไม่ทราบชัดเจนว่าประเทศใดบ้างจะได้เป็นผู้สังเกตการณ์แต่ที่แน่ๆ คือไม่ใช่สหรัฐฯ แล้ว 1 ประเทศเพราะอเมริกาได้ปฏิเสธไปแล้ว

นักวิเคราะห์จากบางสำนักยืนยันว่าวิธีการตั้งให้มีผู้สังเกตการณ์เข้ามาด้วยของกลุ่มพันธมิตรของโอเปกถือเป็นวิธีที่ชาญฉลาด นี่คือรูปแบบความพยายามสร้างกลไกควบคุมทิศทางของราคาน้ำมันดิบโลกอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน ที่ผ่านมาโอเปกมักจะชอบดำเนินการตามความต้องการของตนเองโดยที่ไม่สนใจเสียงเรียกร้องจากประเทศอื่นๆ ที่ไม่เกี่ยวข้อง ในปี 2014 ซาอุดิอาระเบียเคยผลิตน้ำมันออกมาจนล้นตลาดมาแล้วครั้งหนึ่งแต่ในตอนนั้นยังไม่มีใครเดือดร้อนจากการกระทำของซาอุดิอาระเบียนอกจากประเทศในกลุ่มโอเปกด้วยกันเอง 

เมื่อโอเปกเริ่มรู้สึกว่าพวกเขาไม่มีอำนาจในการควบคุมน้ำมันดิบในตลาดเหมือนแต่ก่อนพวกเขาจึงพยายามหาพันธมิตรร่วมและนั่นคือการเกิดขึ้นของประเทศกลุ่มผู้ผลิตน้ำมันที่ไม่ใช่โอเปก (OPEC+) ซึ่งในการประชุมครั้งนี้ทางกลุ่มโอเปก+ ออกมายืนกรานแล้วว่าผู้ผลิตน้ำมันรายอื่นจะต้องมาเข้าร่วมกับกลุ่มโอเปก+ เท่านั้น แต่ไม่ว่ากลุ่มโอเปก+ จะมีแผนอะไรและต้องการเรียกร้องอะไรในการประชุมวันนี้ เราก็ไม่สามารถมองข้ามจุดยืนของสามประเทศผู้ผลิตน้ำมันหลักๆ ของโลกได้อย่างสหรัฐอเมริกา ซาอุดิอาระเบียและรัสเซียไปได้

ซาอุดิอาระเบีย

ซาอุดิอาระเบียคือผู้ที่ต้องรับผิดชอบหลักของราคาน้ำมันดิบที่ร่วงลง 30% ในเดือนมีนาคมซึ่งเป็นมาตรการตอบโต้รัสเซียหลังจากที่ไม่เห็นด้วยกับการลดกำลังการผลิต 1.5 ล้านบาร์เรลเมื่อเดือนที่แล้ว


WTI Futures Weekly Chart

ตอนนี้ราชวงศ์ซาอุฯ กำลังเป็นกังวลเกี่ยวกับกำไรจากการขุดน้ำมันที่รัฐบาลได้รับแล้วว่าอาจจะนำไปใช้ในการสร้างรากฐานอำนาจให้กับตัวเองได้และยังเป็นกังวลอีกด้วยว่าราคาน้ำมันดิบที่อยู่ในระดับต่ำหากเป็นเช่นนี้ต่อไปจะต้องกระทบกับหุ้นของซาอุดิ อรัมโก (SE:2222) 20% ของประชาชนซาอุดิฯ เข้ามาถือหุ้นและทำ IPO กับอรัมโก บางคนเป็นหนี้ที่ผูกติดอยู่กับภาครัฐ ยิ่งหุ้นอรัมโกตกต่ำลงมาเท่าไหร่โอกาสที่ปัญหาทางการเมืองจะร้อนระอุขึ้นก็มีมากเท่านั้น

แม้ว่าราชวงศ์ซาอุฯ จะต้องการให้ราคาน้ำมันสูงขึ้นแต่ทุกวันนี้บริษัทอรัมโกก็ผลิตน้ำมันออกมาวันละ 12 ล้านบาร์เรลต่อวันอยู่แล้ว เชื่อว่าทุกวันนี้ซาอุฯ ได้เก็บน้ำมันที่ผลิตออกมาทุกวันไว้อยู่แล้วและมี 0.3 ล้านบาร์เรลเก็บเอาไว้สำรองในคลัง เมื่ออุปสงค์ของน้ำมันลดลงคำถามตัวใหญ่ๆ ที่ทุกคนสงสัยเลยคือในเดือนนี้บริษัทอรัมโกจะสามารถหาลูกค้ามาซื้อน้ำมันที่เก็บไว้เหล่านี้ได้หรือไม่ เพราะถ้าไม่แล้วราคาน้ำมันดิบจะร่วงลงไปอีกและซาอุดิอาระเบียจะถูกมองว่าไม่แข็งแกร่งเหมือนดั่งในอดีตอีกต่อไป 

ยิ่งไปกว่านั้นการผลิตน้ำมันออกมาเพิ่มของซาอุดิอาระเบียครั้งนี้พวกเขาไม่ได้เตรียมแผนการหรือมีที่เก็บน้ำมันสำรองเอาไว้รองรับ แม้จะประกาศกร้าวออกมาแล้วว่าจะผลิตเพิ่มอีกเป็น 13 ล้านบาร์เรลต่อวันแต่เอาเข้าจริงๆ ทางซาอุดิอาระเบียเองก็ต้องการเวลาอีกสักพัก เพราะฉะนั้นการเจรจาครั้งนี้ซาอุดิอาระเบียเองก็ต้องการลดกำลังการผลิตเพราะไม่มีที่เก็บน้ำมันเพิ่มอีกแล้ว 

นักวิเคราะห์บางคนบอกว่านโยบายที่แข็งกร้าวของซาอุดิอาระเบียเป็นไปเพื่อข่มขวัญรัสเซียเท่านั้นซึ่งในการประชุมครั้งนี้เชื่อว่าซาอุดิอาระเบียจะยังคงวางมาดนั้นต่อไป

รัสเซีย

รัสเซียก็ต้องการให้ราคาน้ำมันดิบปรับตัวสูงขึ้นไม่ต่างกันกันกับผู้ผลิตน้ำมันรายอื่นๆ ล่าสุดรัสเซียออกมาบอกว่าราคาที่ดีที่สุดและสามารถยอมรับได้คือ $40 ต่อบาร์เรล ดังนั้นเท่ากับว่าตอนนี้ที่ราคาน้ำมันดิบยังขึ้นมาไม่เกิน $30 ต่อบาร์เรลจึงไม่ใช่ราคาที่รัสเซียพึงพอใจ การประชุมของกลุ่มโอเปกในวันนี้จึงต้องมาจับตาดูกันว่าการร่วมมือกันลดกำลังการผลิตจะสามารถดันราคาให้สามารถขึ้นไปสูงเกินกว่า $40 ได้หรือไม่

เป็นที่ทราบกันดีว่ารัสเซียเป็นประเทศหนึ่งที่หยิ่งในศักดิ์ศรีของตนเองเป็นอย่างมาก แน่นอนว่าปูตินไม่ต้องการเป็นหนี้บุญคุณใคร ก่อนการประชุมของกลุ่มโอเปกระหว่างรัสเซียกับซาอุดิอาระเบียเมื่อเดือนที่แล้วท่านปูตินก็ได้ออกมาพูดเองว่าเขาไว้วางใจในตัวของรัฐมนตรีกระทรวงพลังงานนายอเล็กซานเดอร์ โนวาคเป็นอย่างมากและไม่ถือสาอะไรที่เขาตัดสินใจอะไรใหญ่ๆ ก็แล้วแต่ที่เกี่ยวข้องกับเรื่องของพลังงาน รัสเซียจะไม่ยอมโอนอ่อนให้กับอะไรก็ตามที่ประเทศรัสเซียไม่สามารถควบคุมได้

ตอนนี้เราไม่รู้ว่ากับราคาน้ำมันที่เป็นอยู่ทำให้รัสเซียจนตรอกมากแค่ไหน แต่แม้ครั้งนี้รัสเซียจะยอมให้เกิดการลดกำลังการผลิตร่วมกันเกิดขึ้นประเทศสมาชิกที่เหลือจะต้องเกิดความสงสัยแน่นอนว่าทำไมครั้งนี้ประเทศรัสเซียถึงได้ยอมทำตามข้อตกลง

สหรัฐอเมริกา

“สหรัฐอเมริกาคือประเทศที่มีการค้าเสรี ทุกอุตสาหกรรมสามารถขับเคลื่อนไปได้ด้วยตัวของมันเอง” - นี่คือคำกล่าวจากรัฐมนตรีกระทรวงพลังงานของสหรัฐฯ นายแดน บรูเลทให้สัมภาษณ์เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมาเพื่อเป็นการยืนยันว่าสหรัฐฯ ไม่มีกฎหมายควบคุมการผลิตน้ำมันจากทางภาครัฐ

ในบางรัฐอย่างเช่นเท็กซัสและโอคลาโฮมามีกฎหมายที่อนุญาตให้บริษัทผู้ผลิตน้ำมันภายในรัฐสามารถรวมกำลังกันเพื่อกระทำการอันใดอันหนึ่งร่วมกันได้ มีเพียงไม่กี่กรณีหรือบางสถานการณ์ที่จำเป็นอย่างถึงที่สุดเท่านั้นที่รัฐจะต้องเข้ามาเป็นผู้ควบคุมดูแลเอง ในกรณีที่มีบริษัทหรือผู้ที่พยายามใช้กฎหมายนี้เพื่อผลประโยชน์ของตนเองจะต้องถูกดำเนินคดีตามกฏหมาย

รายงานตัวเลขปริมาณน้ำมันดิบคงคลังจาก EIA เมื่อวันอังคารที่ผ่านมาคาดว่าในปี 2020 สหรัฐฯ จะสามารถผลิตน้ำมันโดยเฉลี่ยได้ที่ 11.8 ล้านบาร์เรลต่อวันซึ่งตัวเลขนี้ถือว่าลดลง 500,000 บาร์เรลต่อวัน นอกจากนี้รายงานจาก EIA ยังบอกอีกด้วยว่าปริมาณการผลิตน้ำมันของสหรัฐฯ นับตั้งแต่เดือนมีนาคมเป็นต้นไปจะค่อยๆ ลดลงอย่างช้าๆ จาก 12.72 ล้านบาร์เรลต่อวันเหลือ 10.96 ล้านบาร์ต่อวันในเดือนตุลาคมและจึงจะค่อยๆ ปรับตัวขึ้น

นักวิเคราะห์มองว่าโอเปกรู้ดีอยู่แล้วว่าการส่งออกน้ำมันดิบของสหรัฐฯ จะเป็นอย่างไรต่อไปหากพวกเขาเลือกที่จะกระทำสิ่งใดสิ่งหนึ่งขึ้นมา ในขณะเดียวกันนักวิเคราะห์ก็เชื่อว่าสหรัฐฯ จะไม่ยอมลดกำลังการผลิตน้้ำมันร่วมกันกลุ่มโอเปกด้วยเป็นแน่ ถ้าการเจรจาระหว่างสามมหาอำนาจครั้งนี้ล่มลงผู้ที่จะได้รับผลกระทบและเจ็บหนักมากที่สุดคือกลุ่มโอเปก+ ที่ไม่มีกำลังมากพอที่จะบีบให้มหาอำนาจทั้งสามยอมร่วมมือกันเพื่อความสงบสุขของโลกได้

ความคิดเห็นล่าสุด

กำลังโหลดบทความถัดไป...
การเปิดเผยความเสี่ยง: การซื้อขายตราสารทางการเงินและ/หรือเงินดิจิตอลจะมีความเสี่ยงสูงที่รวมถึงความเสี่ยงต่อการสูญเสียจำนวนเงินลงทุนของคุณบางส่วนหรือทั้งหมดและอาจไม่เหมาะสมกับนักลงทุนทั้งหมด ราคาของเงินดิจิตอลแปรปรวนอย่างมากและอาจได้รับผลกระทบจากปัจจัยภายนอกต่าง ๆ เช่น เหตุการณ์ทางการเงิน กฎหมายกำกับดูแล หรือ เหตุการณ์ทางการเมือง การซื้อขายด้วยมาร์จินทำให้ความเสี่ยงทางการเงินเพิ่มขึ้น
ก่อนการตัดสินใจซื้อขายตราสารทางการเงินหรือเงินดิจิตอล คุณควรตระหนักดีถึงความเสี่ยงและต้นทุนที่เกี่ยวข้องกับการซื้อขายในตลาดการเงิน ควรพิจารณาศึกษาอย่างรอบคอบในด้านวัตถุประสงค์การลงทุน ระดับประสบการณ์ และ การยอมรับความเสี่ยงและแสวงหาคำแนะนำทางวิชาชีพหากจำเป็น
Fusion Media อยากเตือนความจำคุณว่าข้อมูลที่มีในเว็บไซต์นี้ไม่ใช่แบบเรียลไทม์หรือเที่ยงตรงแม่นยำเสมอไป ข้อมูลและราคาที่แสดงไว้บนเว็บไซต์ไม่ใช่ข้อมูลที่ได้รับจากตลาดหรือตลาดหลักทรัพย์เสมอไปแต่อาจได้รับจากผู้ดูแลสภาพคล่องและดังนั้นราคาจึงอาจไม่เที่ยงตรงแม่นยำและอาจแตกต่างจากราคาจริงในตลาดซึ่งหมายความว่าราคานี้เป็นเพียงราคาชี้นำและไม่เหมาะสมสำหรับวัตถุประสงค์เพื่อการซื้อขาย Fusion Media และผู้ให้ข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้จะไม่รับผิดชอบใด ๆ สำหรับความเสียหายหรือการสูญเสียที่เป็นผลมาจากการซื้อขายของคุณหรือการพึ่งพาของคุณในข้อมูลที่มีในเว็บไซต์นี้
ห้ามใช้ จัดเก็บ ทำซ้ำ แสดงผล ดัดแปลง ส่งผ่าน หรือ แจกจ่ายข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้โดยไม่ได้รับการอนุญาตล่วงหน้าอย่างชัดแจ้งแบบเป็นลายลักษณ์อักษรจาก Fusion Media และ/หรือจากผู้ให้ข้อมูล ผู้ให้ข้อมูลขอสงวนสิทธิในทรัพย์สินทางปัญญาและ/หรือการแลกเปลี่ยนข้อมูลที่ให้ข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้
Fusion Media อาจได้รับผลตอบแทนจากผู้โฆษณาที่ปรากฎบนเว็บไซต์โดยอิงจากปฏิสัมพันธ์ของคุณที่มีกับโฆษณาหรือผู้โฆษณา
เวอร์ชั่นภาษาอังกฤษของเอกสารฉบับนี้เป็นเวอร์ชั่นหลักซึ่งจะเป็นเวอร์ชั่นที่เหนือกว่าเมื่อใดก็ตามที่มีข้อขัดแย้งไม่สอดคล้องตรงกันระหว่างเอกสารเวอร์ชั่นภาษาอังกฤษกับเอกสารเวอร์ชั่นภาษาไทย