รับส่วนลด 40%
ใหม่! 💥 รับ ProPicks เพื่อดูกลยุทธ์ที่ให้ผลตอบแทน ชนะดัชนี S&P 500 มากกว่า 1,183% รับส่วนลด 40%

10 หุ้นน่าลองถือท่ามกลางวิกฤตโควิด-19

โดยInvesting.com
ผู้เขียนHaris Anwar
เผยแพร่ 10/04/2563 17:38

เราได้ผ่านไตรมาสที่ 1 แห่งความหายนะมาแล้วแต่ในไตรมาสที่ 2 นักวิเคราะห์คาดว่าสถานการณ์อาจจะดีขึ้นบ้างแต่กว่าจะถึงตอนนั้นเราจะต้องผ่านก้นเหวของตลาดหลักทรัพย์สหรัฐฯ และต้องผ่านจุดพีคที่สุดของยอดผู้ติดเชื้อในสหรัฐอเมริกาให้ได้ก่อน จนกว่าจะถึงตอนนั้นนักลงทุนจะยังต้องอยู่ในตลาดที่มีความผันผวนทางเศรษฐกิจต่อไป

ก่อนสิ้นเดือนมีนาคมประธานธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ได้ออกมาพูดเตือนชาวอเมริกันว่า “นับจากนี้ไปอีกสองสัปดาห์จะเป็นช่วงเวลาแห่งความยากลำบากของประเทศ เราจะเห็นตัวเลขผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้น จะมีจำนวนผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้น แต่เราจำเป็นต้องผ่านจุดนี้ไปให้ได้โดยเร็วเพื่อควบคุมจำนวนผู้ติดเชื้อให้ลดลง”

ท่ามกลางความไม่แน่นอนและความหวาดกลัว เราเข้าใจดีว่านี่คือความท้าทายของโลกแห่งการลงทุน ดังนั้นเราจึงได้คัดหุ้นมา 10 ตัวที่นักวิเคราะห์ของบริษัทหรือสถาบันการเงินระดับโลกมองว่าเหมาะแก่การลงทุนในระยะยาวและแบ่งกลุ่มไว้ทั้งหมด 3 ประเภทเพื่อให้คุณผู้อ่านได้พิจารณาเป็นตัวเลือกในการลงทุน

กลุ่มที่ 1: 4 หุ้นกลุ่มปันผลดีเด่น

จากสถานการณ์วิกฤตไวรัสโคโรนาในปัจจุบันส่งผลให้บางบริษัทจำเป็นต้องหยุดให้เงินปันผลแก่ผู้ถือหุ้นเป็นการชั่วคราว และการจะให้นักลงทุนในตอนนี้ไปหาหุ้นที่สามารถให้ผลตอบแทนได้ก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ยากลำบากยิ่ง สถาบันการเงิน โกลด์แมน แซคส์ เข้าใจถึงปัญหานี้ดี ดังนั้นพวกเขาจึงได้ดูหุ้นในตลาด Russell 1000 เพื่อหาหุ้นที่มีการปันผลติดต่อกันเกิน 90 ไตรมาสโดยไม่ลดเปอร์เซนต์การปันผลลง โกลด์แมน แซคส์อธิบายว่าหุ้นที่มีความสามารถแบบนี้ส่วนใหญ่จะมีงบการเงินที่ดี มีเงินสดอยู่ในมือเยอะ จากการสำรวจโกลด์แมน แซคส์ได้รายชื่อหุ้นมาดังต่อไปนี้


หุ้นที่โกลด์แมน แซคส์แนะนำประกอบไปด้วยโฮมดิพอต (NYSE:HD) ไอบีเอ็ม (NYSE:IBM) 3เอ็ม (NYSE:MMM) และซิสโก (NASDAQ:CSCO)

โคล ฮันเตอร์ ผู้เชี่ยวชาญและผู้ให้คำปรึกษาเกี่ยวกับการวางพอร์ตลงทุนของโกลด์แมน แซคส์กล่าวว่า “บริษัทที่อยู่ใน Russell 1000 ถือเป็นหุ้นที่ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็จะยังมีอัตราการปันผลที่ดีและไม่เคยทำให้นักลงทุนผิดหวังแม้ว่าในยามปกติจะให้ผลตอบแทนต่ำเกินไปบ้างก็ตาม”

กลุ่มที่ 2: 3 หุ้นที่มีมูลค่าทางการตลาดเยอะที่สุด

ทาง Bank of America (BoA) ก็ไม่น้อยหน้าโกลด์แมน แซคส์ขอออกบทความแนะนำ “หุ้นสหรัฐฯ 10 อันดับยอดเยี่ยม” ออกมาสู่สาธารณชนบ้าง นอกจากนี้ยังแนะนำหุ้นที่มีความสามารถเอาตัวรอดในยามวิกฤตได้อย่างดีอีกด้วย

แน่นอนว่าหนึ่งในบริษัทที่ต้องติดโผอย่างไม่ต้องสงสัยเลยคือบริษัทผู้ผลิตมือถือสมาร์ทโฟนชื่อดังอย่างไอโฟน (iPhone) (NASDAQ:AAPL) จากข้อมูลของ BoA พบว่าบริษัทแอปเปิลได้ผ่านจุดที่เลวร้ายที่สุดของข่าวโควิด-19 ไปแล้ว ปัจจุบันหุ้นแอปเปิลมีราคาอยู่ที่ $267.99 ซึ่งก่อนหน้านี้ได้ปรับตัวลดลงมาจากจุดสูงสุด 26% ไม่ว่าจะอยู่ในสถานการณ์อะไรหุ้นของแอปเปิลก็ยังเป็นที่น่าดึงดูดสำหรับนักลงทุนในระยะสั้นและยาวอยู่ดี BoA ได้จับอันดับหุ้นแอปเปิลให้อยู่ในระดับ “น่าซื้อ” และเชื่อว่าในปีนี้ยังมีโอกาสขึ้นไปถึงเป้าหมาย $300 ได้
Apple Weekly Price Chart

บริษัทชั้นนำด้านการผลิตและเทคโนโลยีการควบคุมสำหรับอาคาร บ้านเรือน และโรงงานอุตสาหกรรมฮันนี่เวลล์ (NYSE:HON)  คืออีกหนึ่งบริษัทที่ BoA ภูมิใจนำเสนอ นอกจากจะมีผลิตภัณฑ์ที่ดูล้ำสมัยแล้วฮันนี่เวลล์ยังมีงบการเงินที่ดี ความเสี่ยงต่ำและมีสภาพคล่องที่พร้อมรองรับความเปลี่ยนแปลงที่จะเข้ามาอยู่ตลอด

BoA กล่าวว่า “จากความสามารถในการตั้งรับ การกระจายความเสี่ยงและใช้กลยุทธ์ผสมผสานทั้งการลงทุนระยะสั้นและยาวเพื่อให้ได้มาซึ่งผลกำไรนำไปเติมสภาพคล่องให้กับบริษัท เราจึงเชื่อว่าหุ้นฮันนี่เวลล์มีความสามารถพอที่จะขึ้นไปถึง $155 ได้” ล่าสุดหุ้นฮันนี่เวลล์มีราคาปิดอยู่ที่ $143.43

บริษัทสุดท้ายที่ทาง BoA อยากจะแนะนำคือบริษัทผู้ผลิตสินค้าอุปโภคบริโภครายใหญ่ของโลกมาอย่างยาวนาน “พรอคเตอร์ แอนด์ แกมเบิล” หรือที่เรียกกันสั้นๆ ว่า “พีแอนด์จี” (NYSE:PG) กลยุทธ์ของพีแอนด์จีคือการผลิตสินค้าอุปโภคที่จำเป็นต่อมนุษยชาติ ไม่ว่าจะอยู่ในสภาพเศรษฐกิจแบบไหนมนุษย์จำเป็นต้องใช้สินค้าอุปโภคเหล่านี้เพื่อดำรงชีพ จึงไม่น่าแปลกใจว่าทำไมพีแอนด์จีจึงมักจะเป็นตัวเลือกที่นักลงทุน นักวิเคราะห์ ธนาคาร สถาบันการเงิน ฯลฯ เลือกเป็นตัวแรกในยามวิกฤต แม้จะมีอัตราการเติบโตที่ช้าแต่การปันผลและการเติบโตของพีแอนด์จีเป็นไปอย่างมั่นคงเสมอมาPG Weekly Price Chart

ในช่วงปี 2018 หุ้นพีแอนด์จีเคยสร้างผลงานอันโดดเด่นด้วยการทะยานขึ้นตลอดทั้งปี 80% ปัจจุบันหุ้นมีราคาอยู่ที่ $114.66 ทาง BoA ได้ตั้งเป้าของหุ้นพีแอนด์จีเอาไว้ที่ $135 แม้ว่าในปีนี้จะปรับตัวลดลงมาแล้ว 12% ก็ตาม

กลุ่มที่ 3: 3 หุ้นบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่

อ้างอิงข้อมูลจากบริษัทเครดิต สวิส(Credit Suisse) เผยว่าแม้หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีจะถือเป็นหนึ่งกลุ่มที่มีการปรับตัวลดลงเป็นอย่างมากเพราะไวรัสโคโรนาเข้ามากระทบกับสายพานการผลิตอุปกรณ์คอมพิวเตอร์โดยตรง แต่บางเทคโนโลยีกลับเป็นที่ต้องการและสามารถเติบโตได้อย่างโดดเด่นท่ามกลางวิกฤตโควิด-19 ครั้งนี้

การเข้ามาของไวรัสโคโรนาทำให้มนุษยชาติต้องงดกิจกรรมนอกบ้านลงและหาทางรอดด้วยการทำธุรกิจออนไลน์มากขึ้น ธุรกิจ e-commerce ร้านค้าออนไลน์คือธุรกิจที่เติบโตขึ้นอย่างรวดเร็วแซงธุรกิจท่องเที่ยวได้อย่างไม่น่าเชื่อ เมื่อพูดถึงการค้าขายออนไลน์และการใช้คอมพิวเตอร์ทำงานเป็นหลักก็ต้องนึกถึงสองบริษัทยักษ์ใหญ่อย่างแอมะซอน (NASDAQ:AMZN) และกูเกิลของบริษัทอัลฟาเบ็ต (NASDAQ:GOOGL)

นักวิเคราะห์จากเครดิต สวิสให้ความเห็นว่า “เราคาดหวังจะเห็นมูลค่าของบริษัทสั้งสองเติบโตขึ้น ไม่ใช่เฉพาะในแง่ของผลกำไรแต่ยังรวมไปถึงงบการเงิน กำไรต่อลูกค้าหนึ่งคน การพัฒนาของผลิตภัณฑ์บริษัท ในช่วงเวลาที่ยากลำบากแบบนี้คือเวลาที่จะพิสูจน์สิ่งที่บริษัทเทคโนโลยีคิดว่าจะสามารถทำได้ในโลกความเป็นจริงมากขนาดไหน เมื่อวิกฤตจบลงเราเชื่อว่าทั้งแอมะซอนและกูเกิ้ลจะสามารถกลับมาได้ก่อนใคร”

อีกหนึ่งบริษัทที่เครดิต สวิสอยากจะแนะนำแม้จะดูสวนทางกับความเป็นจริงในตอนนี้เสียหน่อยแต่เชื่อว่าเมื่อเครดิต สวิสพูดแล้วเราก็ควรให้ความสนใจนั่นก็คือธุรกิจที่กำลังได้รับผลกระทบมากที่สุดในตอนนี้อย่างการท่องเที่ยว ตัวแทนที่เครดิต สวิสแนะนำมาก็คือบริษัทเว็บไซต์จองที่พักชื่อดัง “บุ๊กกิ้งดอทคอม” (NASDAQ:BKNG)

เครดิต สวิสมองว่าการเข้ามาของโควิด-19 ทำให้มนุษย์ต้องเปลี่ยนพฤติกรรมมาใช้งานเทคโนโลยีมากขึ้น ดังนั้นในตอนนี้ถือเป็นช่วงเวลาดีที่บริษัทหรือบริการที่อยู่ในภาคการท่องเที่ยวจะได้หยุดเพื่อปรับโฉมตัวเองให้เข้าสู่โลกดิจิทัลมากขึ้น เชื่อว่าเมื่อโควิด-19 จบลงการท่องเที่ยวจะกลับมาเติบโตแบบก้าวกระโดดเป็นอย่างมากในช่วงแรกซึ่งตอนนั้นเองถ้าใครพร้อมก่อนคนนั้นก็มีสิทธิ์ที่จะกลับมาได้ก่อน เครดิต สวิสมองว่าบุ๊กกิ้งดอทคอมคือผู้ที่มีศักยภาพนั้น

ความคิดเห็นล่าสุด

การเปิดเผยความเสี่ยง: การซื้อขายตราสารทางการเงินและ/หรือเงินดิจิตอลจะมีความเสี่ยงสูงที่รวมถึงความเสี่ยงต่อการสูญเสียจำนวนเงินลงทุนของคุณบางส่วนหรือทั้งหมดและอาจไม่เหมาะสมกับนักลงทุนทั้งหมด ราคาของเงินดิจิตอลแปรปรวนอย่างมากและอาจได้รับผลกระทบจากปัจจัยภายนอกต่าง ๆ เช่น เหตุการณ์ทางการเงิน กฎหมายกำกับดูแล หรือ เหตุการณ์ทางการเมือง การซื้อขายด้วยมาร์จินทำให้ความเสี่ยงทางการเงินเพิ่มขึ้น
ก่อนการตัดสินใจซื้อขายตราสารทางการเงินหรือเงินดิจิตอล คุณควรตระหนักดีถึงความเสี่ยงและต้นทุนที่เกี่ยวข้องกับการซื้อขายในตลาดการเงิน ควรพิจารณาศึกษาอย่างรอบคอบในด้านวัตถุประสงค์การลงทุน ระดับประสบการณ์ และ การยอมรับความเสี่ยงและแสวงหาคำแนะนำทางวิชาชีพหากจำเป็น
Fusion Media อยากเตือนความจำคุณว่าข้อมูลที่มีในเว็บไซต์นี้ไม่ใช่แบบเรียลไทม์หรือเที่ยงตรงแม่นยำเสมอไป ข้อมูลและราคาที่แสดงไว้บนเว็บไซต์ไม่ใช่ข้อมูลที่ได้รับจากตลาดหรือตลาดหลักทรัพย์เสมอไปแต่อาจได้รับจากผู้ดูแลสภาพคล่องและดังนั้นราคาจึงอาจไม่เที่ยงตรงแม่นยำและอาจแตกต่างจากราคาจริงในตลาดซึ่งหมายความว่าราคานี้เป็นเพียงราคาชี้นำและไม่เหมาะสมสำหรับวัตถุประสงค์เพื่อการซื้อขาย Fusion Media และผู้ให้ข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้จะไม่รับผิดชอบใด ๆ สำหรับความเสียหายหรือการสูญเสียที่เป็นผลมาจากการซื้อขายของคุณหรือการพึ่งพาของคุณในข้อมูลที่มีในเว็บไซต์นี้
ห้ามใช้ จัดเก็บ ทำซ้ำ แสดงผล ดัดแปลง ส่งผ่าน หรือ แจกจ่ายข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้โดยไม่ได้รับการอนุญาตล่วงหน้าอย่างชัดแจ้งแบบเป็นลายลักษณ์อักษรจาก Fusion Media และ/หรือจากผู้ให้ข้อมูล ผู้ให้ข้อมูลขอสงวนสิทธิในทรัพย์สินทางปัญญาและ/หรือการแลกเปลี่ยนข้อมูลที่ให้ข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้
Fusion Media อาจได้รับผลตอบแทนจากผู้โฆษณาที่ปรากฎบนเว็บไซต์โดยอิงจากปฏิสัมพันธ์ของคุณที่มีกับโฆษณาหรือผู้โฆษณา
เวอร์ชั่นภาษาอังกฤษของเอกสารฉบับนี้เป็นเวอร์ชั่นหลักซึ่งจะเป็นเวอร์ชั่นที่เหนือกว่าเมื่อใดก็ตามที่มีข้อขัดแย้งไม่สอดคล้องตรงกันระหว่างเอกสารเวอร์ชั่นภาษาอังกฤษกับเอกสารเวอร์ชั่นภาษาไทย