รับส่วนลด 40%
ใหม่! 💥 รับ ProPicks เพื่อดูกลยุทธ์ที่ให้ผลตอบแทน ชนะดัชนี S&P 500 มากกว่า 1,183% รับส่วนลด 40%

2 หุ้นธนาคารยักษ์ใหญ่ที่น่าสนใจในช่วงตลาดขาลง

เผยแพร่ 04/03/2563 17:14
อัพเดท 09/07/2566 17:31

จากข่าวมาตรการตอบโต้โควิด -19 ด้วยการพร้อมปรับลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางต่างๆ ทั่วโลกทำให้หุ้นของธนาคารพาณิชย์เข้าสู่ความเสี่ยงอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ การปรับลดอัตราดอกเบี้ยกระทบช่องทางทำธุรกิจของธนาคารพาณิชย์มาโดยตลอดอย่างเช่น การปล่อยกู้ การให้สินเชื่อ การจำนองที่ หรือดอกเบี้ยบัตรเครดิต เมื่อธนาคารกลางประกาศว่าจะลดอัตราดอกเบี้ยหมายความว่าธนาคารเหล่านี้จำเป็นต้องลดดอกเบี้ยลงทำให้สูญเสียรายได้

นี่คือสาเหตุว่าทำไมเมื่อเทียบดัชนี S&P 500 ที่ปรับตัวลง 8.1% แล้วดัชนีธนาคาร KBW ถึงได้ร่วงลง 18% นับตั้งแต่เริ่มปี 2020 เป็นต้นมาเพราะนักลงทุนทราบดีว่าหากธนาคารกลางฯ ยังคงเดินหน้าลดอัตราดอกเบี้ยต่อไปใครจะเป็นผู้ได้รับผลกระทบมากที่สุดกราฟดัชนีธนาคาร KBW รายสัปดาห์

เมื่อวันจันทร์ราคาพยายามดีดตัวกลับขึ้นมาหลังจากที่ตลาดได้ทราบข่าวว่าธนาคารกลางหลายแห่งทั่วโลกพยายามจะรักษาเสถียรภาพและคงอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจเอาไว้เพื่อต่อสู้กับสถานการณ์ไวรัสโคโรนาในระยะยาว ในตอนนี้พันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ แบบ 10 ปีร่วงลงสู่จุดต่ำสุดใหม่ จากระดับ 1.127% เมื่อคืนวันศุกร์ก่อนปิดตลาดสหรัฐฯ เมื่อวันจันทร์พบว่าเหลืออยู่เพียง 1.031% เท่านั้น

จากพฤติกรรมของราคาหุ้นกลุ่มธนาคารและมาตรการของธนาคารกลางทำให้เราทราบถึงอารมณ์ตลาดได้ดีว่าพวกเขาไม่คิดว่าเศรษฐกิจจะกลับมาดีขึ้นได้ในเร็ววัน ตลาดทำอย่างกับว่าเราจะเข้าสู่ภาวะหดตัวทางเศรษฐกิจตลอดไป เมื่อเทียบอัตราผลตอบแทนกับราคาของดัชนีธนาคาร KBW พบว่าเหลือเพียง 9.5 ซึ่งใกล้จะถึงจุดต่ำสุดของราคาเมื่อเทียบกับดัชนี S&P 500 ในปี 2008

บรรยากาศการลงทุนขุ่นเคือง

นายริดชาร์ด แรมส์เดน นักวิเคราะห์แห่งโกลด์แมน แซคส์วิเคราะห์ว่า “ตอนนี้มูลค่าความน่าสนใจของหุ้นกลุ่มธนาคารถูกหั่นลง 25% ท่ามกลางความเชื่อที่ว่าเศรษฐกิจจะต้องหดตัวลงและในปีนี้จะมีการลดอัตราดอกเบี้ยลงอีก 3 ครั้ง อัตราการเติบโตของการกู้ยืมจะลดลง 10% ซึ่งท้ายที่สุดแล้วจะส่งผลให้ผลประกอบการของธนาคารในปี 2021 ลดลง 11%”

อย่างไรก็ตามการที่หุ้นธนาคารต้องเผชิญเคราะห์ร้ายเช่นนี้ไม่ได้หมายความว่าเราแนะนำให้นักลงทุนมองหุ้นธนาคารทุกตัวเป็นลบ หุ้นของธนาคารหรือสถาบันการเงินชื่อดังหลายแห่งกลายเป็นที่น่าสนใจของนักลงทุนที่รอการพักตัวของราคาอยู่พอดี ยกตัวอย่างเช่นหุ้นของซิตี้กรุ๊ป (NYSE:C) และเจพีมอร์แกน (NYSE:JPM) เป็นต้น

กราฟรายสัปดาห์ของหุ้นซิตี้กรุ๊ป

หลังจากที่ตลาดหลักทรัพย์สหรัฐฯ ปิดทำการเมื่อวันจันทร์พบว่าหุ้นซิตี้กรุ๊ปมีราคาอยู่ที่ $67.6 ต่อหุ้นหลังจากปรับตัวลดลงมาอย่างต่อเนื่อง 18% นับตั้งแต่เริ่มปี 2020 ในขณะที่หุ้นของเจพีมอร์แกนมีราคาปิดอยู่ที่ $121.5 ปรับตัวลดลงมา 15% ตลอดทั้งปี

แม้ว่าสถานการณ์ของไวรัสโคโรนาจะทำให้ธุรกิจการกู้ยืมหรือการทำธุรกรรมต้องชะลอตัวลงแต่เพราะธนาคารทั้งสองต่างเป็นยักษ์ใหญ่ในวงการดังนั้นเรามั่นใจว่าพวกเขาจะต้องมีการปรับพอร์ตการลงทุนให้บริษัทสามารถยืนอยู่ได้อย่างเช่นที่พวกเขาเคยผ่านมาแล้วในช่วงวิกฤติทางการเงินในปี 2008

นายเจฟฟรี่ ฮาร์ท นักวิเคราะห์แห่ง Piper Sandler ให้น้ำหนักกับหุ้นของเจพีมอร์แกนโดยเชื่อว่าเจพีฯ จะสามารถขึ้นไปถึง $149 ได้ เขามองว่าสถานการณ์ของหุ้นเจพีมอร์แกนในปัจจุบันยังไม่ใช่จุดต่ำสุดของราคา แต่ยิ่งหุ้นของเจพีฯ ลงไปมากเท่าไหร่ยิ่งมีโอกาสทำกำไรให้กับนักลงทุนได้มากขึ้นกราฟรายสัปดาห์ของเจพีมอร์แกน


ในมุมมองของเราทั้งเจพีมอร์แกนและซิตี้กรุ๊ปถือเป็นธนาคารที่ผ่านร้อนผ่านหนาวมาเยอะ พวกเขามีประสบการณ์มากพอที่จะสามารถปรับพอร์ตการลงทุนให้อยู่รอดมาได้เป็นทศวรรษแล้ว ชื่อเสียงและความสามารถของพวกเขาไม่ใช่สิ่งที่กล่าวมากจนเกินไปเพราะเมื่อดูตัวเลขผลประกอบการในไตรมาสล่าสุดจะพบว่าเจพีมอร์แกนมีอัตราการเติบโตทางผลกำไรอยู่ที่ 3.1% ในขณะที่ซิตี้กรุ๊ปมีตัวเลขอยู่ที่ 3.2%

โดยสรุปแล้ว…

จริงอยู่ว่าในช่วงเวลานี้ไม่ใช่เวลาที่เหมาะสมสำหรับการลงทุนในหุ้นกลุ่มธนาคารเมื่อธนาคารกลางตัดสินใจลดอัตราดอกเบี้ยกันเป็นว่าเล่นเพื่อต่อกรกับโคโรนาไว้รัส แต่ถ้าหากว่าเรายังต้องอยู่กับสภาวะชะลอตัวอย่างน้อยไปอีกสักระยะการดูหุ้นกลุ่มธนาคารเอาไว้บ้างก็ไม่ใช่เรื่องที่เสียหายแต่อย่างใด

ในที่นี้เราแนะนำหุ้นของธนาคารเจพีมอร์แกนและซิตี้กรุ๊ป ไม่ใช่เพราะพวกเขามีอัตราการเติบโตและทำกำไรได้ดีแต่เป็นเพราะพวกเขามีประสบการณ์ผ่านสถานการณ์ที่เลวร้ายทางการเงินมาพอสมควร เราจึงเชื่อมั่นว่าการแบ่งพอร์ตลงทุนของทั้งสองธนาคารและอัตราการเติบโตของการปันผลจะช่วยให้นักลงทุนผ่านวิกฤติโควิด-19 ไปได้อย่างไม่ทุลักทุเลมากนัก

ความคิดเห็นล่าสุด

การเปิดเผยความเสี่ยง: การซื้อขายตราสารทางการเงินและ/หรือเงินดิจิตอลจะมีความเสี่ยงสูงที่รวมถึงความเสี่ยงต่อการสูญเสียจำนวนเงินลงทุนของคุณบางส่วนหรือทั้งหมดและอาจไม่เหมาะสมกับนักลงทุนทั้งหมด ราคาของเงินดิจิตอลแปรปรวนอย่างมากและอาจได้รับผลกระทบจากปัจจัยภายนอกต่าง ๆ เช่น เหตุการณ์ทางการเงิน กฎหมายกำกับดูแล หรือ เหตุการณ์ทางการเมือง การซื้อขายด้วยมาร์จินทำให้ความเสี่ยงทางการเงินเพิ่มขึ้น
ก่อนการตัดสินใจซื้อขายตราสารทางการเงินหรือเงินดิจิตอล คุณควรตระหนักดีถึงความเสี่ยงและต้นทุนที่เกี่ยวข้องกับการซื้อขายในตลาดการเงิน ควรพิจารณาศึกษาอย่างรอบคอบในด้านวัตถุประสงค์การลงทุน ระดับประสบการณ์ และ การยอมรับความเสี่ยงและแสวงหาคำแนะนำทางวิชาชีพหากจำเป็น
Fusion Media อยากเตือนความจำคุณว่าข้อมูลที่มีในเว็บไซต์นี้ไม่ใช่แบบเรียลไทม์หรือเที่ยงตรงแม่นยำเสมอไป ข้อมูลและราคาที่แสดงไว้บนเว็บไซต์ไม่ใช่ข้อมูลที่ได้รับจากตลาดหรือตลาดหลักทรัพย์เสมอไปแต่อาจได้รับจากผู้ดูแลสภาพคล่องและดังนั้นราคาจึงอาจไม่เที่ยงตรงแม่นยำและอาจแตกต่างจากราคาจริงในตลาดซึ่งหมายความว่าราคานี้เป็นเพียงราคาชี้นำและไม่เหมาะสมสำหรับวัตถุประสงค์เพื่อการซื้อขาย Fusion Media และผู้ให้ข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้จะไม่รับผิดชอบใด ๆ สำหรับความเสียหายหรือการสูญเสียที่เป็นผลมาจากการซื้อขายของคุณหรือการพึ่งพาของคุณในข้อมูลที่มีในเว็บไซต์นี้
ห้ามใช้ จัดเก็บ ทำซ้ำ แสดงผล ดัดแปลง ส่งผ่าน หรือ แจกจ่ายข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้โดยไม่ได้รับการอนุญาตล่วงหน้าอย่างชัดแจ้งแบบเป็นลายลักษณ์อักษรจาก Fusion Media และ/หรือจากผู้ให้ข้อมูล ผู้ให้ข้อมูลขอสงวนสิทธิในทรัพย์สินทางปัญญาและ/หรือการแลกเปลี่ยนข้อมูลที่ให้ข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้
Fusion Media อาจได้รับผลตอบแทนจากผู้โฆษณาที่ปรากฎบนเว็บไซต์โดยอิงจากปฏิสัมพันธ์ของคุณที่มีกับโฆษณาหรือผู้โฆษณา
เวอร์ชั่นภาษาอังกฤษของเอกสารฉบับนี้เป็นเวอร์ชั่นหลักซึ่งจะเป็นเวอร์ชั่นที่เหนือกว่าเมื่อใดก็ตามที่มีข้อขัดแย้งไม่สอดคล้องตรงกันระหว่างเอกสารเวอร์ชั่นภาษาอังกฤษกับเอกสารเวอร์ชั่นภาษาไทย