ตราบเท่าที่สถานการณ์แพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนายังไม่คลี่คลายตราบนั้นสินทรัพย์สำรองก็ยิ่งมีโอกาสปรับตัวสูงขึ้นได้เรื่อยๆ อย่างเช่นที่ทองคำและพาลาเดียมเป็นอยู่ในตอนนี้ ทองคำและพาลาเดียมกลายเป็นแร่โลหะที่มีมูลค่ามากที่สุดในโลกในปี 2020 นักวิเคราะห์จาก TD Securities แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับตลาดโลหะในตอนนี้ว่า
“ปริมาณความต้องการแร่โลหะจะยิ่งปรับตัวสูงขึ้นต่อไปโดยตัวเลือกที่คนจะยังคงให้ความสนใจมากที่สุดคือทองคำ เนื่องจากเศรษฐกิจสหรัฐฯ ยังถือว่าแข็งแกร่งดีจึงทำให้นักลงทุนต่างลงทุนในสกุลเงินดอลลาร์และทองคำไปพร้อมๆ กัน ตอนนี้ทองคำถือเป็นสินทรัพย์ปลอดภัยจากสถานการณ์ของไวรัสโคโรนาซึ่งเราเชื่อว่าทันทีที่การแพร่ระบาดคลี่คลายลงเมื่อใด ราคาทองคำก็อาจจะปรับตัวลดลงเช่นเดียวกันกับนักลงทุนที่เข้ามาถือทองคำด้วย”
ในช่วงเช้าของวันนี้เป็นครั้งแรกในรอบ 6 สัปดาห์ที่ราคาทองคำสามารถขึ้นมาถึงระดับราคา $1600 ต่อออนซ์ได้สำเร็จหลังจากที่เคยขึ้นมาแล้วในช่วงที่สหรัฐฯ - อิหร่านมีความขัดแย้งกันเรื่องการสังหารนายพลคนสำคัญ
อีกหนึ่งสาเหตุที่ช่วยดันราคาทองคำให้ขึ้นมาถึง $1600 ได้ต้องขอบคุณไปยังบริษัทแอปเปิ้ล (NASDAQ:AAPL) ผู้ผลิตมือถือชื่อดังอย่างไอโฟนด้วยที่ออกมาแจ้งข่าวร้ายแก่นักลงทุนว่าผลประกอบการในไตรมาสที่ 2 อาจจะมีตัวเลขไม่ถึงเป้าเพราะสถานการณ์ไวรัสโคโรนาในประเทศจีนจึงทำให้บริษัทต้องระงับการให้บริการลงในบางสาขาเป็นการชั่วคราวจนกว่าสถานการณ์จะดีขึ้น ทุกคนทราบดีอยู่แล้วว่าแอปเปิ้ลมียอดขายไอโฟนสูงมากในประเทศจีน
ความยิ่งใหญ่ของแอปเปิ้ลนั้นมีอิทธิพลต่อตลาดหุ้นมากกว่าที่เราทราบนัก ไม่เพียงแต่ช่วยให้ราคาทองคำขึ้นไปแตะ $1600 แล้วยังทำให้หุ้นตัวอื่นๆ ในตลาดหลักทรัพย์ปรับตัวลดลงเพียงเพราะแอปเปิ้ลออกมาบอกว่าผลประกอบการของตัวเองจะลดลงเท่านั้น แต่เมื่อนำไปประกอบกับข้อมูลตัวเลขยอดผู้เสียชีวิตที่ปัจจุบันมีผู้ติดเชื้อแล้ว 72,436 รายและมียอดผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้นเป็น 1,868 รายก็พอจะเข้าใจได้ว่าทำไมตลาดหุ้นถึงพากันปรับตัวลดลง
แม้ว่าราคาทองคำจะสามารถขึ้นมาสร้างจุดสูงสุดใหม่ได้เรียบร้อยแล้วแต่ก็ยังไม่มีใครกล้าฟันธงต่อว่าขาขึ้นของราคาทองคำในรอบนี้จะสามารถขึ้นไปได้ถึงไหน ในขณะที่กำลังเขียนบทความอยู่นี้ราคาทองคำล่วงหน้าในตลาด COMEX ขึ้นมาอยู่ที่ $1,608.55 ต่อออนซ์ในขณะที่ราคาทองคำสปอตสร้างจุดสูงสุดอยู่ที่ $1,605.40
นักวิเคราะห์แห่งโบรกเกอร์ฟอเร็กซ์ Oanda วิเคราะห์ว่า “ตอนนี้เส้นค่าเฉลี่ย 55 วันซึ่งอยู่ที่ 87.15 กำลังอยู่เหนือเส้นค่าเฉลี่ย 200 วันที่ 87.085 มาตั้งแต่วันจันทร์จะทำหน้าที่เป็นแนวรับแรกในกรณีที่ราคาปรับตัวลดลงมา”
นักวิเคราะห์จากโบรกเกอร์ Eagle FX กล่าวว่า “จริงอยู่ว่ากราฟรายวันยังคงอยู่ในแนวโน้มขาขึ้นแต่อินดิเคเตอร์สโตแชสติก (Stochastic) เริ่มเข้าสู่โซน overbought แล้วหมายความว่าราคาทองคำอาจปรับตัวลดลงมาได้ในอนาคต ถ้ากราฟทองคำสามารถมีราคาปิดต่ำกว่า $1,572 ได้เมื่อไหร่จะเป็นการยืนยันการพักตัวของราคาทองคำล่วงหน้าในระยะสั้น”
มาดูฝั่งพาลาเดียมกันบ้าง ราคาพาลาเดียมล่วงหน้าสามารถขึ้นไปสร้างจุดสูงสุดที่ $2,755 ได้ในวันนี้ในขณะที่ราคาพาลาเดียมสปอตสร้างจุดสูงสุดไว้ที่ $2,843.50
สาเหตุที่พาลาเดียมทะยานขึ้นสูงได้ขนาดนี้ต้องย้อนกลับไปเมื่อเดือนที่แล้วที่ประเทศผู้ผลิตหลักอย่างแอฟริกาใต้ประสบวิกฤติเกี่ยวกับแหล่งจ่ายพลังงานทำให้การผลิตพาลาเดียมต้องชะลอตัว อย่างไรก็ตามตอนนี้พาลาเดียมอาจต้องเจอสัญญาณปรับตัวลดลงเพราะการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาทำให้อุตสาหกรรมรถยนต์ในประเทศจีนซึ่งเป็นแหล่งผลิตใหญ่ที่สุดของโลกแห่งหนึ่งต้องชะลอตัวลง
นายคริส กริฟฟิต ผู้บริหารระดับสูงของบริษัท Anglo American Platinum's (OTC:ANGPY) กล่าวเมื่อวันอังคารว่า
“มีสัญญาณบ่งบอกว่าความต้องการพาลาเดียมในตลาดเริ่มถดถอยลง บริษัทผู้ผลิตรถยนต์อาจเริ่มหันไปใช้ทองคำขาวซึ่งมีราคาอยู่ที่ $1500 ต่อออนซ์แทนซึ่งถูกกว่าพาลาเดียม นอกจากราคาจะถูกกว่าแล้วทองคำขาวยังเผาผลาญได้สะอาดกว่าพาลาเดียมซึ่งเป็นที่ชื่นชอบในหมู่ผู้ใช้รถเครื่องยนต์ดีเซล อย่างไรก็ตามหากทำเช่นนั้นจริงบริษัทผู้ผลิตรถอาจจะต้องลงทุนทำเครื่องยนต์ใหม่เพื่อทองคำขาวซึ่งถือเป็นการเพิ่มต้นทุนที่หนักหนาเอาการอยู่”
นักวิเคราะห์แห่ง Bank of America ให้สัมภาษณ์กับสื่อ Wall Street Journal เกี่ยวกับปิดการโรงงานของผู้ผลิตรถยนต์ส่วนใหญ่ในประเทศจีนว่า “นี่เป็นครั้งแรกเลยที่ผมได้เห็นว่าโรคระบาดสามารถทำให้อุตสาหกรรมรถยนต์ต้องเสียหายและพาลาเดียมสามารถขึ้นได้อย่างบ้าคลั่งขนาดนี้”