-
SPX เพิ่มขึ้น 28.67% ในปีนี้ เมื่อเทียบกับการปิดที่ปี 2013 แล้วปีนี้ปิดมากกว่าที่ +29.68%
-
มีการคาดการณ์ว่าจะมีการลงนามการค้าระยะที่ 1 ในเดือนม.ค. ที่จะถึงนี้ ซึ่งนโยบายผ่อนคลายของเฟดอาจะกระตุ้นนักลงทุนให้ผลัก S&P 500 ขึ้นสูงมากพอที่จะทำให้ปี 2019 นั้นเป็นปีที่ดีที่สุดในตลาดขาขึ้นนี้
ดัชนีหลักของสหรัฐฯ ทั้งสามตัว S&P 500, Dowและ NASDAQปิดสัปดาห์ที่จุดสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ต้อนรับวันหยุดที่ใกล้จะถึงนี้ ซึ่งผู้ถือหุ้นยังเห็นความเติบโตของหุ้นตั้งแต่เดือนก.ย. ทั้งหมดนี้ได้รับแรงหนุนจากตัวเร่งปฏิกิริยาเดียวกันคือความก้าวหน้าทางการค้าที่ชัดเจน
ตลาดกำจัดความเสี่ยงทางตลาดออกอย่างต่อเนื่อง
ดัชนี S&P 500 ปรับตัวสูงขึ้น 1.65% ต่อสัปดาห์ ซึ่งเป็นกำไรรายสัปดาห์ที่ใหญ่ที่สุด นับตั้งแต่ต้นเดือนก.ย. เมื่อเพิ่มขึ้น 1.79% จากหนึ่งในรอบการซื้อขายที่สูงขึ้น หลังจากความไม่แน่นอนของการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับจีน และในเวลานั้นก็ย้ายกลับไปอยู่เหนือเส้นแนวโน้มขาขึ้นตั้งแต่เดือนธ.ค. 2018
ตัวแทนการค้า Robert Lighthizer กล่าวว่าเขาคาดว่าข้อตกลงจริงจะลงนามในต้นเดือนมกราคม แม้ว่าการเจรจาในขณะนี้ยังคงมีความไม่แน่นอน แต่ตลาดก็มองว่าการลงนามเมื่อครั้งที่ผ่านไปนั้นเป็นข้อตกลงที่เสร็จสิ้น อาจเพราะพวกเขาไม่สามารถที่จะพิจารณาไปทางอื่นได้ และอีกครั้งนั่นแหละครับ ยังมีเรื่องของการที่สหราชอาณาจักรต้องการจะออกจากอียู หรือแม้การที่สหรัฐฯ อาจจะเลือก โดนัลด์ เจ ทรัมป์ให้กลับมาเป็นประธานาธิบดีอีกครั้ง แต่เรื่องเหล่านี้ก็ยังไม่เกิดขึ้น
อย่างไรก็ตามแม้จะมีผลลัพท์ที่เกิดขึ้น ดูเหมือนว่าตลาดจะหลีกเลี่ยงความเสี่ยงเหล่านั้นได้อย่างสม่ำเสมอ รวมไปถึงนโยบายของเฟดที่ได้ให้สัญญาไว้นั้นได้หนุนให้ดัชนีต่างๆ ขึ้นสูง ทำให้นักลงทุนถือโอกาสด้วยเช่นกัน
เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา S&P 500 เพิ่มขึ้น 28.67% ในปี 2019 ซึ่งแตกต่างอย่างมากกับการสูญเสียของปี 2018 ที่เสร็จสิ้นปีที่แล้วที่ติดลบ 6.25% ซึ่งต้องถือว่าเป็นการทำกำไรประจำปีที่ใหญ่ที่สุดตั้งแต่ปี 2013 ที่ SPX เพิ่มขึ้น 29.68%
หากฤดูซานต้าจะช่วยให้แนวโน้มขาขึ้นนั้นไต่ขึ้นสูงไปอีกสู่วันสุดท้ายของปี 2019 ดัชนี S&P 500 น่าจะเป็นปีที่ทำกำไรได้ดีที่สุด ตั้งแต่ปี 2009
แน่นอนว่าต้องมีคำถามว่าแล้วตลาดจะมีแนวโน้มขาขึ้นเรื่อยๆ ในปี 2020 หรือไม่ โดยการเพิ่มขึ้นของช่องว่าง (gap) ในวันศุกร์นั้นเป็นเรื่องปกติของรูปแบบการกลับตัวของราคา (Island Reversal)
ดัชนี STOXX Europe 600 ก็ทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในวันศุกร์ทั้งในช่วงปิดและระหว่างวัน เป็นสัปดาห์แรกที่ดัชนีตัวนี้ทำกำไรตั้งแต่เดือนเม.ย. 2015
เส้นอัตราผลตอบแทนระหว่างธนบัตรของสหรัฐฯ ที่มีอายุ 2 ปีและ 10 ปีนั้น ยังคงอยู่ใกล้ระดับที่สูงที่สุดในรอบกว่าหนึ่งปี ซึ่งเป็นการตอกย้ำว่าความกังวลต่อภาวะเศรษฐกิจถดถอยนั้นจะคลี่คลายลง
ในทางเทคนิคอัตราดอกเบี้ย มีแนวโน้มอยู่ในช่องทางที่เพิ่มขึ้น นับตั้งแต่เดือนก.ย ที่ผ่านมาซึ่งอยู่เหนือเส้นแนวโน้มขาลง ตั้งแต่เดือนพ.ย. 2019 ในวันที่ 4 ธันวาคม อย่างไรก็ตาม เราจะรู้สึกผ่อนคลายมากขึ้นในการเรียกในครั้งนี้โดยอาศัยการพลิกกลับ (Reversal) หลังจากที่อัตราผลตอบแทนทะลุระดับ 2.00
และในขณะที่สถานการณ์การเมืองในสหราชอาณาจักรคลี่คลายลง หลังจากที่ บอริส จอนห์นสันได้รับชัยชนะในการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 12 ธ.ค. ที่ผ่านมา ทำให้การคาดหวังของการออกจาก EU นั้นกลับเข้ามาอยู่ในปฏิทินอีกครั้ง เงินปอนด์อ่อนค่าลงเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา มากที่สุดในรอบสองปี ท่ามกลางความกังวลว่า นายกรัฐมนตรีบอริส จอห์นสัน และผู้เจรจาสหภาพยุโรปจะพบกับปัญหาในการตกลงเรื่องการเจรจาการค้าในปีหน้า
อย่างไรก็ตาม จากมุมมองทางเทคนิคการปรับลงในช่วงที่ผ่านมาไม่ได้มีอะไรมากไปกว่าการทำกำไรก่อนการกระโดดอีกครั้ง จนถึงขณะนี้ราคายังคงสูงกว่าเส้นแนวรับของ (bullish)
สัญญาซื้อขายล่วงหน้าน้ำมันดิบ WTI ร่วงลงเมื่อวันศุกร์ลดลง 1.2% ปิดที่ $60.44 เหรียญ สินค้าโภคภัณฑ์ปรับตัวลงจากระดับสูงสุดในรอบสามเดือน