ความกลัวว่าเศรษฐกิจจะถดถอยในปี 2020 จากนิวยอร์กถึงลอนดอนถึงปักกิ่งนั้นลดน้อยลง เนื่องจาก ผู้นำทางเศรษฐกิจอย่างสหรัฐฯและจีนนั่น มีเส้นทางที่เริ่มจะไปได้ดีในเรื่องของข้อตกลงทางการค้าและสถานการณ์ Brexit ที่ราบรื่นขึ้น อย่างไรก็ตาม เมื่อมองไปยังความคาดหวังที่มีต่อทองแดง โลหะอันดับ 1 สำหรับเศรษฐกิจอาจจะทำให้คุณไม่เชื่อ
การคาดการณ์ราคาที่แปรผันในอีกสามปีข้างหน้าทำให้นักลงทุนสงสัยว่าใครมีความที่ถูกต้องบนโลหะสีแดง
สถานการณ์ทองแดงในปีหน้า
ถูกเรียกว่า “ด๊อกเตอร์ทองแดง” โดยนักเศรษฐศาสตร์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในยุคสมัยที่ราคาโลหะมีทิศทางเดียวกันกับช่วงเศรษฐกิจโลก ทองแดงก็ไม่สามารถที่จะใช้เป็นตัวทำนายการเติบโตของโลกได้อีก แต่จะมีการเปลี่ยนแปลงในปีหน้า ที่สินค้าคงคลังเหลือน้อย แต่มีคำสั่งซื้อสูง ทำให้ความต้องการทองแดงในปี 2020 นั้นจะมากขึ้น โดยเฉพาะธนาคารประเทศแนวหน้าของ ตลาดหุ้น Wall Street เช่น Goldman Sachs, Morgan Stanley, Bank of America, Citigroup and Jefferies
แต่หน่วยงาน Fitch กลับไม่คิดว่าทองแดงจะกลับมาเฟื่องฟูจนกว่าจะถึงปี 2022 เป็นอย่างน้อย
Contrasting Outlooks, Price Gains มุมมองที่ต่างกัน ผลักให้ราคาขึ้น
มุมมองที่ต่างกันทำให้เกิดความสับสนใช่หรือไม่
มาดูคำตอบจาก Andy Hall ผู้วิจารณ์สินค้าโภคภัณฑ์ของรอยเตอร์ได้เขียนไว้ในคอลัมน์ล่าสุดว่า ตลาดการศึกษาทองแดงนานาชาติ (The International Copper Study) ได้อัปเดตในหมายเหตุความสับสนของทองแดงในปีนี้ว่า ราคายังคงติดอยู่ในกับดักระหว่างเศรษฐกิจมหภาคที่ยังเป็นลบ และแนวโน้มขาขึ้นของการเปลี่ยนแปลงของโซ่อุปทานขนาดเล็ก
เหลือเวลาอีกไม่ถึงสองสัปดาห์ในปี 2019 แม้แต่การแลกเปลี่ยนเกณฑ์มาตรฐานสองครั้งของทองแดง หนึ่งรายการในลอนดอน และอีกรายการในนิวยอร์ก แสดงให้เห็นถึงความได้เปรียบที่แตกต่างสำหรับโลหะ ในขณะที่การซื้อขายแต่ละครั้งอยู่ใกล้ระดับสูงสุดในรอบเจ็ดเดือน
สัญญาซื้อขายล่วงหน้าทองแดงในช่วงสามเดือนใน London Metal Exchange (LME) เพิ่มขึ้นเพียง 3% ในปีนี้ซึ่งมีราคาอยู่ที่ $6,171 เหรียญต่อตัน
ทองแดงฟิวเจอร์ของสหรัฐฯ สัญญาซื้อขายล่วงหน้าทองแดง สำหรับการส่งมอบเดือนมีนาคมในตลาด COMEX ของนิวยอร์กแสดงให้เห็นว่ามีกำไรเพิ่มขึ้นเกือบ 6% ต่อปีซื้อขายที่ระดับ $2.80 เหรียญต่อปอนด์
Goldman นำทีมตลาดหุ้น Wall Street ในการฟื้นคืนชีพให้กับทองแดงในปี 2020
เพื่อให้ทองแดงมีแนวโน้มขาขึ้นในปี 2020 Goldman Sachs ได้อ้างอิงจีนว่าเป็นตลาดผู้บริโภคโลหะที่ใหญ่ที่สุด “ทองแดงเป็นโลหะที่มีมุมมองขาขึ้นมากที่สุดในปี 2020” ตามข้อมูลของสินค้าโภคภัณฑ์ ในประเทศจีน“ เราคาดว่าจะมีการเติบโตที่แข็งแกร่งขึ้นในอีก 2 ปีข้างหน้า เนื่องจากมีแนวโน้มที่เป็นบวกในภาคอสังหาริมทรัพย์ตั้งแต่เดือนส.ค.” จากการกระตุ้นโครงสร้างพื้นฐานของรัฐบาลทีมงานของ Goldman กล่าว การลงทุนรปแบบกริดมีแนวโน้มที่จะเพิ่มขึ้นอย่างมากในช่วงไตรมาสแรกของปี 2020 เช่นกัน
Jefferies ซึ่งเป็นธนาคารเพื่อการลงทุนแห่งอื่นของสหรัฐฯ ก็มีความเห็นมุมมองบวกในปีหน้าเช่นเดียวกับ Goldman มุมมองที่เป็นแนวโน้มขาขึ้นอย่างสมบูรณ์เกี่ยวกับทองแดง มาจากประเทศชิลีซึ่งเป็นประเทศที่เป็นผู้ส่งออกโลหะรายใหญ่ที่สุด
ประเทศชิลีก็เชื่อว่าราคาจะดีดตัวขึ้นในปีหน้า
Lucas Palacios รัฐมนตรีเศรษฐกิจของชิลีกล่าวกับสำนักข่าวรอยเตอร์เมื่อวันพุธว่าการสู้รบทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ - จีนในหลักการคือ "สำคัญมาก" สำหรับเศรษฐกิจของประเทศอเมริกาใต้ซึ่งขึ้นอยู่กับทองแดงเป็นอย่างมาก การส่งออกและราคาทองแดงได้รับความเดือดร้อนเนื่องจากสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับจีน ไม่ว่าจะเป็นการชะลอตัวของตัวเลขการเตอบโต หรือผลกระทบด้านความเชื่อมั่นในเศรษฐกิจระกับโลกในปี 2019
“ผลของการพักรบการค้านั้นมีผลกระทบต่อราคาทองแดงในระยะยาว และนั่นคือสาเหตุที่ดีสำหรับเรา” Palacios กล่าวเพิ่มเติมว่าสำหรับการเพิ่มขึ้นของราคาทองแดงทุก ๆ หนึ่งเซนต์ รัฐบาลสามารถเพิ่มการใช้จ่าย $40 ล้านเหรียญ
หน่วยงาน Fitch คิดว่าปีทองของทองแดงจะมาในปี 2022
Fitch Solution เชื่อว่าปีทองของทองแดงนั้นน่าจะมาอีกในสองปี “การตัดสินใจของเราที่จะปรับลดการเติบโตของการบริโภคของจีนในปี 2019 จาก 2.8% เป็น 0.5% หมายความว่าเราคาดการณ์ว่าตลาดโลกจะเกินดุลมากกว่าปี 2019-2021 ก่อนที่จะเปลี่ยนเป็นการขาดดุลจากปี 2022 เป็นต้นไป” Fitch Solutions กล่าวเพิ่มเติมในหมายเหตุเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา
โดยกล่าวว่า:
“ตลาดทองแดงทั่วโลกจะยังคงไม่ขยายตัวมากในช่วงปี 2022-2028 เนื่องจากการบริโภคทั่วโลกยังคงสูงกว่าการผลิตทั่วโลกในช่วงหลายปีที่ผ่านมา”
Fitch ฟิทช์กล่าวว่าแนวโน้มทองแดงในระยะยาวหลังจากปี 2021 อาจได้รับแรงหนุนจากอุปสงค์ที่เพิ่มขึ้นในอินเดีย จากการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้น และความต้องการในอุตสาหกรรมพลังงานทดแทน