บิตคอยน์ กำลังจะร่วงอีกครั้งหลังจากที่ลดลงแล้ว 7 จาก 10 เซสชั่น ผลักให้ราคาต่ำกว่าจุด $7000 เหรียญเป็นครั้งแรกในรอบ 6 เดือน เป็นเพราะอะไร?
นี่คือเหตุผลที่เป็นไปได้
ความกังวลเกี่ยวกับการปราบปรามของจีนเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาทั้งในส่วนของการซื้อขายและการออกสกุลเงินดิจิทัล (cryptocurrencies)
การซื้อขายในปริมาณที่ต่ำ ทำให้ให้ผู้เล่นรายใหญ่สามารถเคลื่อนไหวราคาได้
ข่าวแง่บวกของข้อตกลงทางการค้าที่ทำให้หุ้นพุ่งขึ้นสูงเป็นประวัติการณ์และลงทุนสินทรัพย์ปลอดภัย
เครื่อง mining นั้นมีราคาแพงทำให้นักขุดเงิน (Miner) น้อยลง
สำหรับใครบางคนการซื้อขายสกุลเงินดิจิตอลไม่ใช่เพียงแค่การลงทุน แต่คือวิถีชีวิตของพวกเขา เป็นแรงขับเคลื่อนอย่างหนึ่ง :
นาย Oliver Renick กล่าวอ้างในนิตยสาร Forbes ว่า ที่สกุลเงินดิจิตอลหลักในตลาดนั้นปรับตัวลงไม่ใช่เพราะประเด็นที่เกิดขึ้นของทางการจีนแต่เป็นเพราะ “คุณไม่ต้องการมัน”แล้วต่างหาก
อาจจะเป็นไปได้ที่ปริมาณการซื้อขายที่ต่ำของบิตคอยน์เกิดจากการหมุนเวียนเข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์แบบดั้งเดิม ท่ามกลางราคาหุ้นที่เพิ่มสูงขึ้นเป็นประวัติการณ์ เนื่องจากมีความเสี่ยงเพิ่มขึ้นในความหวังของการแก้ไขปัญหาทางการค้า ข้อโต้แย้งคือในขณะที่สินทรัพย์ปลอดภัยมีความไม่แน่นอนในวันนี้ แต่ พันธบัตร ทองคำ สกุลเงินเยน และสกุลเงินฟรังก์ กลับไม่ได้ถูกเทขายเหมือนกันสกุลเงินดิจิตอล
Cointelegraph และ Asia Times ต่างก็มีบทความคล้ายๆ กันเมื่อวานนี้ โดยมีข้อมูลบางส่วนจาก Coin Dance ซึ่งคอยตรวจสอบอัตราค่าบิตคอยน์ ที่ได้ระบุว่านักขุดเหรียญในความเป็นจริงแล้ว “ไม่สะทกสะท้าน” ต่อเรื่องที่ราคาบิตคอยน์ได้ปรับต่ำลง
หนึ่งในจุดขายที่สำคัญของบิตคอยน์คือข้อเท็จจริงที่ว่ามันไม่ได้ถูกควบคุมโดยใคร นั่นหมายความว่าทั้งรัฐบาลและนักลงทุนต่างก็ไม่รู้ได้ว่าเกิดอะไรขึ้น เราเชื่อว่าอย่างน้อยแต่ละเหตุผลเหล่านี้น่าจะมีอิทธิพลต่อเทรดเดอร์แม้ว่าจะเป็นเพียงแค่ความเชื่อเท่านั้น
เพื่อความความรอบคอบ ให้ติดตามความสมดุลของอุปสงค์และอุปทาน ไม่ว่าจะได้แรงหนุนจากปัจจัยพื้นฐานหรือไม่ก็ตาม
การซื้อขายบิตคอยน์ได้เกิดขึ้นในกรอบแคบตั้งแต่วันที่ 26 มิถุนายนซึ่งสูงถึง $13,764 เหรียญ วันนี้กลับลดลต่ำกว่ากรอบแคบเป็นครั้งแรกในช่วงเวลาของการซื้อขาย อย่างไรก็ตาม ณ ขณะนี้ กราฟได้เด้งขึ้นไปข้างบนแนวรับ
เป็นการลดลงต่ำที่รุนแรงมาก ซึ่งเป็นการเทขายที่ใหญ่ที่สุด (หลังจากวันศุกร์) ตั้งแต่วันที่ 24 ก.ย. โดยมีข้อโต้แย้งว่าการเคลื่อนไหวระดับต่ำนั้นจะทำให้เกิดการเคลื่อนไหวครั้งใหญ่ ที่จริงแล้วกรอบการซื้อขายได้ปิดการขยายกว้างของกราฟตั้งแต่ฟองสบู่แตกเมื่อปี 2017
เมื่อหนึ่เดือนก่อน เส้นค่าเฉลี่ย DMA 200 วัน ได้ไต่ระดับเหนือเส้นค่าเฉลี่ย DMA 50 วัน ทำให้เห็นถึงจุดตัดที่เห็นเป็นแนวโน้มขาลงระยะยาว (Death cross) และได้ตัดผ่านเส้นค่าเฉลี่ย DMA 100 วัน ฟอร์มเป็นรูปแบบสามเหลี่ยมหรือรูปแบบขาลง (Bearish Pattern)
ด้วยสัญญาณ MACD ที่ต่ำและ RSI ที่ต่ำที่สุดนับตั้งแต่เดือนก.ย. เนื่องจากราคากำลังหาแนวรับ อาจจะถึงเวลาสำหรับการย้ายกลับไปที่กรอบด้านบนหรือฝ่าวงล้อมด้วยตัวกรองเพื่อหลีกเลี่ยงกับดักหมี ซึ่งจะเป็นการสร้างแนวต้านในกรอบใหม่ขึ้นมา
กลยุทย์การซื้อขาย
นักลงทุนที่ไม่ชอบความเสี่ยงจะรอให้มีการดึงกลับของราคาขึ้นไปช่องด้านบน ซึ่งยืนยันด้วยแท่งเทียนสีแดงยาวอย่าน้อยหนึ่งแท่งจากด้านบนสุด
นักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้ปานกลางจะรอจนกว่ากราฟเริ่มที่จะออกจากการปรับฐานของราคาและกลับมามีแนวโน้มที่เห็นได้ชัดเจนขึ้น
นักลงทุนที่รับความเสี่ยงสูงอาจจะเข้าสู่ตลาดและรอคอยเวลาที่กราฟจะเด้งกลับมา
ตัวอย่างการซื้อขาย
เข้า: $6,750 เหรียญ
เส้น Stop-Loss: $6,600 – ต่ำกว่าวันที่เคยต่ำ
ความเสี่ยง: $150
เป้าหมาย: $7,200
Reward: $450
ความเสี่ยง:Reward Ratio: 1:3