หัวข้อการตกลงทางการค้าอาจจะเป็นเรื่องน่าเบื่อสำหรับเทรดเดอร์ แต่ไม่ใช่สำหรับเครื่องจักร
อัลกอริทึ่มของการอ่านหัวข้อข่าวยังคงจับไปที่คำว่า “ปิด” “ใกล้มาก” และ “มีความคืบหน้า” ที่เกี่ยวข้องกับการเจรจาระหว่าง สหรัฐฯและจีนในสัปดาห์นี้เพื่อเป็นสัญญาณในการซื้อน้ำมันต่อไป
เมื่อสัปดาห์ที่แล้วราคาน้ำมันควรจะปรับลดลงเพราะมีตัวเลขน้ำมันดิบคงคลังค่อนข้างสูง แต่ราคาน้ำมันกลับทะยานขึ้นสูงหลังจากที่ทางทำเนียบขาวได้ออกมากล่าวถึงข้อตกลงทางการค้า
ราคาน้ำมันดิบเวส์ทเท็กซัส อินเตอร์มีเดียต (WTI) ปิดสัปดาห์ที่ 0.8% ที่ $57.72 ต่อบาร์เรล หลังจากที่แตะจุดสูงสุด 7 สัปดาห์ติดต่อกันที่ $57.97 เหรียญ ราคา น้ำมันดิบ UK เบรนท์ปรับขึ้น 1.3% ในสัปดาห์นี้ปิดที่ $63.30 หลังจากแตะจุดสูงสุด 7 สัปดาห์ติดต่อกันที่ $63.64
ในตลาดเช้าเอเชียในวันจันทร์ ราคาของน้ำมันดิบ WTI และแบรนท์ได้ขยับขึ้นสูงอีก ทำให้ตลาดในวันศุกร์คึกคักไปอีกหลังจากที่สำนักข่าวซินหัวของจีนได้รรายงานว่า การเจรจาทางการค้าผ่านโทรศัพท์ของเจ้าหน้าที่ระดับสูงระหว่างสหรัฐฯ และจีนในวันเสาร์นั้นไปในทาง “สร้างสรรค์”
ก่อนหน้านั้นคำพูดของ นายวิลเบอร์ รอสส์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ก็ได้ทำให้ราคาน้ำมันดิบพุ่งขึ้นในปลายสัปดาห์ โดยกล่าวกับ Fox Business ว่า มีความเป็นไปได้สูงมากที่ทำเนียบขาวจะบรรลุข้อตกลงกับจีนในข้อตกลงการค้าระยะแรก “ตอนนี้เราอยู่ในรายละเอียดสุดท้ายแล้ว” รอสส์กล่าว
รอสส์และเพื่อร่วมรัฐบาลของเขา นายลาร์รี่ คุดโลว์ ทำหน้าที่ให้คำแนะนำแก่ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ในเรื่องของเศรษฐกิจ และยังเป็นคนช่วยผลักหุ้นหลักทั้งสามตัวขึ้นจุดสูงสุดของ Wall Street ที่ปิดตลาดเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา
ไม่มีการแห่ซื้อหุ้นในขณะนี้
John Kilduff ซึ่งเป็นหุ้นส่วนก่อตั้งของ New York energy hedge fund Again Capital กล่าวว่าแทบทุกตลาดตั้งแต่ตราสารทุนไปจนถึงฟอเร็กซ์ พันธบัตรและสินค้าโภคภัณฑ์ถูกซื้อในความคิดที่ว่าข้อตกลงทางการค้านั้นจะต้องเกิดขึ้น หัวข้อข่าวที่รายงานว่า “ ไม่มีข้อตกลง” “และ “ข้อตกลงล่าช้า” อาจทำให้ตลาดซื้อขายซบเซาKilduff กล่าวว่า :มันไม่มีการแห่ซื้อหุ้นในขณะนี้ มนุษย์อาจจะรู้สึกว่าตลาดขาขึ้นนี้ไม่เป็นธรรมชาติ แต่ไม่ใช่กับเครื่องจักรที่ถูกตั้งโปรแกรมไว้”“อัลกอริทึ่มอ่านค่าแล้วก็ซื้อตามที่ถูกตั้งโปรแกรมไว้ และแน่นอนว่ามันถูกตั้งค่าทางเทคนิคให้มีการจำกัดอยู่”
จะเกิดอะไรขึ้นหากไม่มีข้อตกลงในวันที่ 15 ธันวาคมนี้
ในขณะที่ยังไม่มีข้อตกลงอย่างเป็นรูปธรรม เราก็ยังสันนิษฐานได้จากจากที่นาย Ross และ นาย Kudrow จะยังคงรายงานต่อเนื่องกับ Fox เพื่อรักษาความหวังของข้อตกลงที่ใกล้เข้ามา ซึ่งดูเหมือนว่าจะขยายเวลาไปจนถึง 1 วันก่อนวันที่ 15 ธันวาคม ที่เป็นวันสุดท้ายของเรื่องภาษีกับจีนตามคำขู่ของทรัมป์
ในจุดนี้อาจจะมีการเลื่อนเวลาการกำหนดภาษีอีกครั้ง
และยังมีการเจรจาต่อไปเรื่อยๆ
และราคาน้ำมันดิบก็จะเพิ่มขึ้นไปเรื่อยๆ
ข้อมูลจากวันศุกร์แสดงให้เห็นว่าผู้จัดการเงินได้เพิ่มสถานะสัญญาซื้อขายล่วงหน้าและสัญญาออปชั่นสุทธิในตลาดสหรัฐฯเป็นสัปดาห์ที่ 12 พ.ย. หนุนการถือครองสัญญาฟิวเจอร์สและออปชั่นในนิวยอร์กและลอนดอน 39,995 สัญญาเป็น 169,386 สัญญา
บริษัท TD Securities กล่าวว่าข่าวแง่บวกของการค้าสหรัฐฯ และจีนนั้นเป็นแรงผลักดันให้เกิดการซื้ออย่างมาก แต่กลุ่มยังแสดงความกังวลเกี่ยวกับการเพิ่มขึ้นของสินค้าคงเหลือน้ำมันดิบในสหรัฐฯ
แต่อุปทานของน้ำมันเริ่มจะโต
โบรกเกอร์ยังกล่าวเพิ่มเติมว่า:H1 2020 อาจจะเป็นช่วงเวลาไหนก็ได้ตั้งแต่เดือนม.ค. ถึง มิ.ย ในระยะสั้นพวกเขามีอุปทานที่สูงขึ้น การอ่านตัวเลขสต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐฯรายสัปดาห์ล่าสุดขององค์กรข้อมูลด้านพลังงานของสหรัฐฯ (EIA) ได้แสดงว่า พวกเขามีสต๊อกมากกว่าที่ตลาดได้คาดการณ์ไว้ EIA ยังได้อ้างอิงถึงการสต๊อกน้ำมันเบนซินรายสัปดาห์ว่ามีถึง 2 ล้านบาร์เรล ซึ่งมากกว่าที่ตลาดคาดการณืไว้ 1 ล้านบาร์เรลถ้าข้อมูลนั้นยังไม่พอ EIA ได้สั่งพิมพ์รายงาน EIA’s Short-Term Energy Outlook แยกออกมาต่างหาก โดยระบุว่า ผลผลิตของน้ำมันดิบสหรัฐฯ คาดว่าจะสูงถึง 13 ล้านบาร์เรลต่อวันในเดือนนี้ และเติบโตมากกว่าที่คาดไว้ในปี 2019 และ 2020 รายงานรายสัปดาห์ได้ประเมิณผลผลิตทั้งหมดที่ 12.8 ล้าน บาร์เรลต่อวัน (bpd) EIA คาดการณ์ว่าการเติบโตของอุปทานนอกกลุ่มโอเปกจะสูงถึง 2.3 ล้านบาร์เรลต่อวันในปีหน้าเมื่อเทียบกับ 1.8 ล้านในปี 2019 โดยอ้างถึงการผลิตจากสหรัฐฯ บราซิล นอร์เวย์และกายอานาอย่างไรก็ตามเทรดเดอร์ยังคงสนใจคำแถลงการณ์ของโอเปกที่ว่าการผลิตน้ำมันในสหรัฐฯ จะถูกยุบลง
กลเม็ดของโอเปก
ลางสังหรณ์ของโอเปกมีที่มาจาก เลขาธิการ Mohammed Barkindo ที่ได้ให้สัมภาษณ์กับ CNBC ว่า “จำนวนผู้ผลิตไม่น้อยได้แสดงความกังวลถึงการเติบโตที่ชะลอตัวลงว่าสิ่งนี้อาจจะกระทบต่อการผลิต”
Barkindo ได้เพิ่มเติมว่า บริษัทต่างๆ เหล่านี้ ได้บอกว่า “พวกเราอาจจะมองโลกในแง่ดีกว่าที่พวกเขาเห็น โดยพิจารณาถึงความท้าทายต่างๆ ที่พวกเขาได้เผชิญ”
ในความเป็นจริงสิ่งที่โอเปกต้องกล่าวถึงคือการที่มีการผลิตเกินข้อตกลง (overproduction) จาก ไนจีเรีย และอิรัก แม้กระทั่งประเทศที่ไม่ได้เป็นพันธมิตรอย่าง รัสเซีย ที่ได้ท้าทายผู้ผลิตน้ำมันหลักอย่าง ซาอุดิอาระเบียที่ยึดติดกับข้อตกลงคราวก่อนที่จะผลิต 1.2 ล้านบาร์เรลต่อวัน
เมื่อการขายหุ้นจำนวนมากของบริษัท Aramco ของซาอุดิอาระเบียใกล้เข้ามา ประเทศยังคงบังคับใช้ข้อตกลงที่ยังมีผลอยู่และยังคงรักษาระดับราคาไว้โดยไม่ลด
สมาชิกโอเปกรู้ดีว่า เมื่พวกเขาจะประชุมกันในเดือนธันวาคมนั้น เหมือนจะไม่มีการพูดถึงการลดราคา แต่หากว่ามีความเป็นไปได้ ก็อาจจะมีแรงกดดันให้ราคาต่ำลง โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับข้อตกลงของสหรัฐฯ และจีน
ทองคำยังคงมีความเสี่ยงต่ำ
กรณีของทองคำ มันทำหน้าที่เหมือนเดิมพันในแง่ดีระหว่างสหรัฐฯและจีน ด้วยราคาที่ร่วงลงเมื่อสัปดาห์ที่แล้วด้วยกลไกตลาดมากกว่าจะเป็นไปตามคำพูดของ นาย Ross และ นาย Kudlow
ราคาซื้อขายทองคำฟิวเจอร์สำหรับเดือนธันวาคมในตลาด New York’s COMEX ได้ปิดที่ $1,468.50 ต่อออนซ์ ลดลง 0.3% ในวันนี้ และกลับมาดีดขึ้น 0.4% ระหว่างสัปดาห์
ราคาซื้อขายทองคำสปอต จากที่ติดตามการซื้อขายแบบทันทีของทองคำแท่ง ราคาสุดท้ายคือ $1,467.86 เหรียญในนิวยอร์กในวันศุกร์ ลดลง 0.1% ในวันนี้ แต่ขึ้น 0.6% ในระหว่างสัปดาห์
ราคาทองคำร่วงลง $1500 เหรียญในช่วงต้นเดือนนี้ หลังจากที่ นายเจย์ พาวเวลล์ ประธษนเฟด ได้ออกมากล่าวว่าจะไม่มีการปรับอัตราดอกเบี้ยอีกในปีนี้