Fed Fund Target Range
Actual: 1.50-1.75% Previous: 1.75-2.00%
KTBGM: 1.50-1.75% Consensus: 1.50-1.75%
คณะกรรมการนโยบายการเงินธนาคารกลางสหรัฐฯ (FOMC) มีมติไม่เป็นเอกฉันท์ให้ “ลด” อัตราดอกเบี้ยลง 0.25% สู่ระดับ 1.50-1.75%
FOMC มองเศรษฐกิจสหรัฐฯยังขยายตัวได้ในระดับที่เหมาะสม และจะสังเกตการณ์ข้อมูลเศรษฐกิจในอนาคตเพื่อกำหนดนโยบายการเงินต่อไป
เราคงเป้าหมาย FFTR สิ้นปี 2019 ที่ 1.50-1.75% และเชื่อว่าเฟดจะกลับมาลดดอกเบี้ยต่ออย่างน้อยหนึ่งครั้งในช่วงกลางปี 2020 ตามตัวเลขเศรษฐกิจที่จะชะลอตัว §Next FOMC Decision: December 12 2019 (1AM)
คณะกรรมการนโยบายการเงินธนาคารกลางสหรัฐฯ (FOMC) มีมติไม่เป็นเอกฉันท์ให้ “ลด” อัตราดอกเบี้ยลง 0.25% สู่ระดับ 1.50-1.75%
มติไม่เป็นเอกฉันท์มีทั้งด้านสนับสนุนการ “ลด” อัตราดอกเบี้ย และกลุ่มที่เห็นว่าควร “คง” ดอกเบี้ย แต่ครั้งนี้มีคณะกรรมการที่เปลี่ยนใจมาสนับสนุนการลดดอกเบี้ยหนึ่งท่านคือนาย James Bullard ซึ่งครั้งที่แล้วสนับสนุนการลดดอกเบี้ย 50bps ขณะที่นาย Eric Rosengren และนาง Esther George ยังคงสนับสนุนการคงอัตราดอกเบี้ยไว้ตามเดิม
FOMC มองเศรษฐกิจสหรัฐฯ ขยายตัวเหมาะสม โดยในครั้งนี้เฟดมีการเปลี่ยนแปลงเพียงเล็กน้อยด้วยการส่งสัญญาณว่าภาคลงทุนและส่งออกในสหรัฐฯ “ยังอ่อนแอ” ต่างจากครั้งที่ผ่านมาที่เฟดมองว่าทั้งสองกิจกรรมทางเศรษฐกิจนี้ “อ่อนแอลง” ขณะที่การขยายตัวของเศรษฐกิจอยู่ในระดับ “ปานกลาง” และเงินเฟ้ออยู่ในระดับ “ต่ำกว่าเป้าหมายที่ 2%” ตามเดิมทั้งหมด
เฟดตัดความคิดที่จะปรับดอกเบี้ยนโยบายเพื่อรักษาการขยายตัวของเศรษฐกิจออก เหลือเพียงการสังเกตการณ์ข้อมูลเศรษฐกิจในอนาคต
เราคงเป้าหมาย FFTR สิ้นปี 2019 ที่ 1.50-1.75% และเชื่อว่าเฟดจะกลับมาลดดอกเบี้ยต่ออย่างน้อยหนึ่งครั้งในช่วงกลางปี 2020 ตามตัวเลขเศรษฐกิจที่จะชะลอตัว
คาดว่าเฟดจะ“คง”ดอกเบี้ยในช่วงที่เหลือของปีก่อนจะกลับมาลดดอกเบี้ยปีหน้า โดยในปัจจุบันด้วยภาวะ inverted yield curve ได้ถูกแก้ไขแล้วสังเกตได้จากส่วนต่างของยีลด์อายุ 10ปีกับ 3เดือนฝั่งสหรัฐฯ ที่กลับมาเป็นบวก ส่วนในอนาคต เฟดสามารถลดดอกเบี้ยได้ต่อจากสองเหตุผลคือเศรษฐกิจสหรัฐฯที่จะชะลอตัวลงในช่วงปีเลือกตั้ง และตลาดหุ้นที่เสี่ยงปรับฐานถ้าการเจรจาการค้าไม่คืบหน้า
เรามองว่าการลดดอกเบี้ยครั้งนี้ของเฟดกดให้เงินดอลลาร์อ่อนค่าได้ในระยะสั้น แต่ในระยะถัดไปยังต้องจับตาตัวเลขเศรษฐกิจในฝั่งสหรัฐฯ ถ้ายังคงแข็งแกร่งจนสามารถหนุนให้ยีลด์สหรัฐฯปรับตัวสูงขึ้น เงินดอลลาร์ก็มีโอกาสฟื้นตัวได้