หุ้น 3 ตัวที่น่าจับตามองในอาทิตย์นี้คือ AT&T, Beyond Meat และ Apple
ด้วยดัชนีหุ้นรายใหญ่ของสหรัฐฯยังคงเป็นไปอย่างเชื่องช้าและต่อเนื่อง โดยสัปดาห์หน้าจะเริ่มเห็นถึงการแข็งค่าของหุ้นเมื่อธนาคารกลางสหรัฐฯประกาศการขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งต่อไป
ราคาหุ้น S&P 500 เมื่ออาทิตย์ที่ผ่านมาจบที่ระดับต่ำเป็นประวัติการณ์หลังจากที่เด้งกลับขึ้นมาแตะเกือบ 7% จากระดับต่ำสุดในเดือนสิงหาคม คววามเคลื่อนไหวดังกล่าวได้รับแรงหนุนจากรายงานผลประกอบการเชิงบวกจากบริษัทยักษ์ใหญ่ในสหรัฐฯ และสัญญาณที่ดีจากการที่สหรัฐฯ และจีนใกล้จะลงนามในส่วนแรกของข้อตกลงการค้าร่วมกัน
ในสัปดาห์ที่จะถึงนี้ นักลงทุนจะได้มีโอกาสที่จะได้รับผลกำไรรายไตรมาสล่าสุดจากบางบริษัทที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ ด้านล่างนี้คือชื่อของหุ้น 3 ตัวจากภาคอุตสาหกรรมต่างๆ ที่น่าจับตามองเป็นอย่างยิ่ง
1. หุ้น AT&T
หุ้นของผู้ให้บริการโทรคมนาคมรายใหญ่ที่สุดของสหรัฐฯ AT&T (NYSE:T), จะรายงานผลประกอบการไตรมาสที่ 3 ปี 2019 ในวันนี้ (จันทร์ที่ 28 ตุลาคม) ก่อนที่ตลาดจะเปิด นักวิเคราะห์คาดว่าจะมีส่วนแบ่งกำไรโดยเฉลี่ยแล้วอยู่ที่ $0.93 ต่อยอดขาย 45.13 พันล้านดอลลาร์
T Weekly TTM
หนึ่งในความท้าทายที่ใหญ่ที่สุดที่ AT&T เผชิญคือการสร้างผลกำไรในขณะที่ฝ่ายบริหารระดับสูงของบริษัทก็กำลังแก้ปัญหาต่างๆ เช่นปัญหากระแสเงินสดที่ไม่เพียงพอเพื่อรองรับภาระหนี้จำนวนมากของบริษัท ซึ่งในขณะเดียวกันก็ยังคงให้เงินปันผลผู้ถือหุ้นอัตราผลตอบแทนที่ 5.41% ส่งผลให้ AT&T เป็นบริษัทที่ไม่ใช่สถาบันทางการเงินของสหรัฐฯ นั้นมีหนี้มากที่สุดในระบบ
นักลงทุนต่างต้องการเห็นการแก้ปัญหาของ AT&T อย่างเร็วที่สุดและมีสัญญาณบางอย่างแสดงให้เห็นว่าบริษัทฯ ที่อยู่ในดัลลัสได้เริ่มจัดการกับปัญหาแล้ว
เมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา AT&T ประกาศว่าจะเพิ่มราคาแพ็คเกจ TV Now ขึ้น 30% การปรับขึ้นค่าธรรมเนียมครั้งที่สองในปีนี้บ่งชี้ว่า บริษัทฯ มีความกระตือรือร้นที่จะปรับปรุงอัตรากำไรและต้องการออกจากการแข่งขันด้านราคาด้วยเหตุนี้ ในระหว่าง ไตรมาส ทีสิ้นสุดในวันที่ 30 มิถุนายนที่ผ่านมา มีการเอาตัวเลขที่มีการบันทึกด้วยวิดีโอระหว่างลูกค้าออก การเปลี่ยนแปลงในครั้งนี้ช่วยให้ AT&T ได้รับผลกำไรที่คาดหวังไว้ และยังมีเงินเหลือที่จะจ่ายเงินปันผลอีกด้วย
นอกจากนั้น AT&T ยังมุ่งหน้าทำยอดขายในการขาย สินทรัพย์ ซึ่งรวมถึงการขายหุ้นในเดือนเมษายนซึ่งเป็นหุ้นของการทำวิดีโอสตรีมมิ่งในแพลตฟอร์มบน Hulu และอสังหาริมทรัพย์ของ Time Warner ในนิวยอร์ก
ด้วยมาตรการเหล่านี้ รวมกับการที่บริษัทฯ วางแผนที่จะเปิดตัววิดีโอสตรีมมิ่งเป็นของตัวเอง ในนาม HBO Max นั้น สิ่งเหล่านี้เป็นการเพิ่มความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุน และยังสามารถช่วยประคองราคาหุ้นให้อยู่ในระดับสูงอีกด้วย หลังจากที่ขยับขึ้นไปอยู่ที่ 23% ในปีนี้ และหุ้นปิดที่ $36.91 ในวันศุกร์ที่ผ่านมา
2. หุ้น Beyond Meat
El Segundo ผู้ผลิตเบอร์เกอร์จากพืชในแคลิฟอร์เนียในชื่อ Beyond Meat (NASDAQ:BYND) จะรายงานผลประกอบการไตรมาสสามหลังจากปิดตลาด ในวันนี้ (จันทร์ที่ 28 ตุลาคม)
BYND Weekly TTM
ในเดือนกรกฎาคม ในขณะที่กำลังรายงานผลประกอบการในไตรมาสที่ 2 Beyond Meat ได้คาดหวังว่าบริษีทจะทำกำไรได้อย่างน้อยปีละ 240 ล้านดอลลาร์ ซึ่งเพิ่มเป็น 3 เท่าตัวของปี 2018 แม้ว่าบริษัทจะยังไม่ได้ทำกำไรอย่างต่อเนื่องแต่ทางทีมผู้บริหารคาดว่าจะสามารถฝ่าฟันอุปสรรคนี้ไปได้ในปี 2019 หลังจากมีการปรับในการบริหารในส่วนของกำไรก่อนดอกเบี้ย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าใช้จ่ายตัดจ่ายต่างๆ (EBITDA)สำหรับไตรมาสที่สิ้นสุด ณ วันที่ 30 ก.ย. นักวิเคราะห์คาดว่า บริษัท จะทำกำไร $0.04 ต่อหุ้นโดยมียอดขายพุ่งขึ้นเป็น 81.83 ล้านดอลลาร์
แต่ถึงกระนั้น แม้ว่าหุ้นของ Beyond Meat จะเป็นที่น่าจับตามองในตลาดปี 2019 แต่ก็น่าเสียดายที่หุ้นตัวนี้เริ่มที่จะดิ่งลงไปเรื่อยๆ ในสัปดาห์ที่ผ่านมาหุ้นปรับตัวลงต่ำกว่า $100 เป็นครั้งแรกตั้งแต่เดือนมิถุนายน จากการที่นักลงทุนได้คาดการณ์ว่าคนในจะขายหุ้น BYND ตามรายงานผบประกอบการ ทำให้หุ้นปิดตลาดที่ $100.81
การที่ราคาหุ้นได้ลดลงตั้งแต่เดือนกรกฎาคมได้ทำให้ กำไรหลังการขายหุ้นพุ่งสูงถึง 290% เนื่องจากผู้ถือหุ้นบางส่วนรวมไปถึงประธานกรรมการบริหารอย่าง อีธาน บราวน์ ได้รับผลประโยชน์จากการเสนอขายหุ้นเพื่อลดการขายหุ้นในราคาที่ถูกมาก บรรดานักลงทุนต่างกังวลว่าประวัติศาสตร์อาจซ้ำรอยอีกครั้ง หลังจากที่มีการประกาศผลประกอบการของ Beyond Meat ในวันที่ 29 ตุลาคมนี้
3. หุ้น Apple
บริษัท Apple (NASDAQ:AAPL), ผู้ผลิตไอโฟน คอมพิวเตอร์ และอุปกรณ์อัจริยะอื่นๆ จะรายงานผลประกอบการไตรมาศที่ 4 ปี 2019 ในวันพุธ ที่ 30 ตุลาคม หลังจากตลาดปิด
AAPL Weekly TTM
เป็นที่น่าผิดคาดสำหรับเหล่านักวิเคราะห์เป็นอย่างมากที่หุ้นของแอปเปิ้ลนั้นยังคงความแข็งแกร่งมาอย่างต่อเนื่องในตลาดโทรศัพท์สมาร์ทโฟนที่มีการแข่งขันสูง
แต่ราคาก็ดูเหมือนจะเริ่มตกลงมาหลังจากที่มีการเปิดตัวไอโฟน 11 เมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา ไม่เหมือนกับการเปิดตัวโทรศัพท์ขวัญใจในครั้งก่อนๆ ครั้งนี้คนต่างตื่นเต้นกับเวอร์ชั่นใหม่มากกว่า สำหรับผลประกอบการในไตรมาสที่ 4 งบประมาณของบริษัทในปี 2019 นักวิเคราะห์คาดว่าจะมีกำไร $2.83 ดอลลาร์ต่อหุ้นจากยอดขาย 62.94 พันล้านดอลลาร์
ในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมานักวิเคราะห์หลายคนได้เพิ่มการคาดการณ์รายได้ของพวกเขาโดยอ้างความคิดเห็นที่น่าเชื่อถือจากซัพพลายเออร์ต่างๆ ของบริษัทฯ
การคาดการณ์ของวอลสตรีทสำหรับการจัดส่งไอโฟน ในปีงบประมาณปัจจุบันของ Apple จะเพิ่มขึ้น 3 ล้านเครื่องตั้งแต่มีการเปิดขายไอโฟน 11 ครั้งแรกในวันที่ 20 กันยายน ที่ผ่านมา
“เราคาดการณ์ว่าจำนวนตัวเลขของการการไอโฟนจะเพิ่มขึ้นไปพร้อมๆ กับความเชื่อมั่นของนักลงทุนในหุ้น AAPL” นักวิเคราะห์ของ J.P. Morgan Samik Chatterjee กล่าวในบันทึกล่าสุดเพิ่มเป้าหมายราคาหุ้น Apple เป็น $265 ดอลลาร์จาก $243
“นอกจากนั้นเรายังเพิ่มความคาดหวังในปี 2020/2021 ที่จะมีการเปิดตัวไอโฟนที่มีศักยภาพด้าน 5G ที่จะปล่อยตัวในเดือนกันยายน ปี 2020 อีกด้วย” Chatterjee กล่าวเพิ่มเติม
หุ้นของ Apple ทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 246.73 ดอลลาร์ในสัปดาห์ที่แล้ว หุ้นปิดลดลงเล็กน้อยเมื่อวันศุกร์ที่ $ 246.58 เพิ่มขึ้น 48% สำหรับปีนี้