รับส่วนลด 40%
🔥 กลยุทธ์การหุ้นคัดเลือกโดย AI ของเรา หุ้นเทคฯ ยักษ์ใหญ่ ทะยานขึ้น +7.1% ในเดือน พฤษภาคม เข้าเทรดขณะหุ้นกำลังมาแรงรับส่วนลด 40%

หุ้นปันผลในกลุ่มธุรกิจน้ำมัน 2 ตัวที่ให้ผลตอบแทนมากกว่า 6%

เผยแพร่ 11/10/2562 16:30
อัพเดท 09/07/2566 17:31
CL
-

ในช่วงที่อัตราดอกเบี้ยต่ำเช่นนี้ การลงทุนที่จะสามารถให้ผลตอบแทนสูงจึงหาได้ค่อนข้างยาก อัตราผลตอบแทนบัตรเงินฝากของธนาคารประจำเดือนตุลาคมที่ดีที่สุดอยู่ที่ประมาณ 2.25% ต่อระยะเวลา 1 ปี ในขณะที่ผลตอบแทนพันธบัตรรุ่นอายุ 10 ปี อยู่ที่เพียง 1.57%

เมื่อการลงทุนในหลักทรัพย์ดังกล่าวให้ผลตอบแทนที่ค่อนข้างต่ำ จึงเป็นธรรมดาที่นักลงทุนย่อมหาหนทางอื่นที่จะทำให้ได้มาซึ่งผลตอบแทนที่สูงขึ้น และหนึ่งในตัวเลือกที่ควรพิจารณาคือหุ้นกลุ่มพลังงาน เมื่อพิจารณาหุ้นปันผลจะพบว่า หุ้นในกลุ่มพลังงานถือว่าเป็นกลุ่มที่ทำผลงานได้ดีกว่าตลาด สาเหตุที่ทำให้หุ้นกลุ่มนี้สามารถให้ผลตอบแทนที่ดีกว่า เช่นในบางกรณีอาจมากถึง 7% ได้นั้นเนื่องจากนักลงทุนกำลังลงทุนในหุ้นในกลุ่มที่มีความเสี่ยงสูงซึ่งแปรผันไปตามราคาน้ำมันนั่นเอง

ตัวอย่างล่าสุดในช่วงรุ่งเรืองและตกต่ำของตลาดหุ้นกลุ่มพลังงานก็คือการที่ราคาน้ำมันปรับตัวลดลงอย่างมากในช่วงต้นปี 2014 หลังจากที่ในช่วง 10 ปีก่อนหน้านั้น ราคา น้ำมันดิบ ซื้อขายกันที่ระดับสูงกว่า $100 ต่อบาร์เรลด้วยซ้ำไป

ตลาดขาลงในช่วงปี 2014 ถือว่าดิ่งลงแรงและหนักมากจนทำให้บริษัทผู้ผลิตน้ำมันหลายรายต้องปรับลดหรืองดการจ่ายเงินปันผลไปเลยทีเดียวเนื่องจากราคาลดต่ำลงอย่างมาก ดังนั้นนักลงทุนจึงควรพิจารณาปัจจัยความเสี่ยงดังกล่าวให้ดีก่อนที่จะตัดสินใจลงทุนในหุ้นกลุ่มพลังงาน และเราก็ได้คัดเลือกหุ้นซึ่งมีผลตอบแทนที่ค่อนข้างสูงในกลุ่มนี้มาแนะนำดังต่อไปนี้

1. Royal Dutch Shell

ในบรรดาธุรกิจผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่ทั้งหมด Royal Dutch Shell เป็นอีกบริษัทที่มีความโดดเด่นในแง่ของการจ่ายเงินปันผลที่หนักที่สุดตัวหนึ่งเลยทีเดียว ปัจจุบันบริษัทจ่ายเงินปันผลจำนวน $0.94 ต่อหุ้นต่อไตรมาส ซึ่งคิดเป็นผลตอบแทนจากเงินปันผล 6.65% ต่อปีเมื่อเทียบกับราคาปิดเมื่อวานนี้

เมื่อวานนี้หุ้นของบริษัทปรับตัวขึ้นได้ประมาณ 1% ไปอยู่ที่ระดับ $57.26 เฉพาะในปีนี้ราคาหุ้นปรับลดลงมาแล้วเกือบ 2% แต่หากนับจากจุดต่ำสุดตั้งแต่ปี 2016 เป็นต้นมาก็ถือว่าปรับตัวขึ้นมาได้ถึง 45% จากการเปิดเผยข้อมูลเชิงกลยุทธ์ของบริษัทครั้งล่าสุดในเดือนมิถุนายน บริษัทเชื้อสายอังกฤษ-ดัชต์แห่งนี้ได้คาดการณ์ว่าจะสามารถทำเงินมากขึ้นได้ภายในช่วงไม่กี่ปีข้างหน้านี้ ซึ่งก็น่าจะหมายความว่ามีโอกาสสูงมากที่บริษัทจะสามารถปรับเงินปันผลที่อยู่ในอัตราเดิมตลอดสี่ปีที่ผ่านมาให้สูงขึ้นได้

Shell price chart

กราฟราคาหุ้น Shel



บริษัท Shell กล่าวว่าบริษัทมีแนวโน้มที่จะจ่ายเงินปันผลจำนวน 125,000 ล้านเหรียญ รวมทั้งมีการซื้อหุ้นกลับคืนในช่วงปี 2021 ถึง 2025 นี้ ทั้งนี้ในปีที่ผ่านมา บริษัทจ่ายเงินปันผลประจำปีไปเป็นจำนวน 16,000 ล้านเหรียญ เพิ่มเติมจากการลงทุนซื้อหุ้นกลับคืนอีกเฉลี่ยปีละเกือบ 10,000 ล้านเหรียญ

ตัวเลขที่บริษัทคาดการณ์ไว้ดังกล่าวน่าจะแสดงให้เห็นว่าบริษัทเชื่อมั่นว่าจะมีผลการดำเนินงานที่ดี อย่างไรก็ตาม หุ้นของ Shell ก็เคยตกอยู่ในสถานการณ์ที่ย่ำแย่หลังจากช่วงที่ราคาน้ำมันตกต่ำอย่างหนักในปี 2014 และบริษัทเริ่มมีหนี้สินมากขึ้นจากการควบรวมกิจการครั้งใหญ่กับกลุ่มบริษัท BG แต่ตั้งแต่นั้นมา Shell จึงมุ่งมั่นอย่างหนักที่จะปรับลดหนี้สินลงและพยายามเน้นไปที่การจ่ายเงินปันผลสำหรับนักลงทุนเป็นอันดับแรก

เราเชื่อว่า Shell น่าจะมีการเตรียมพร้อมรับมือกับสถานการณ์ราคาน้ำมันที่ปรับลดลงเป็นระยะเวลานานได้ดีขึ้นกว่าเดิม เนื่องจากบริษัทได้วางแผนกลยุทธ์ในการลดจำนวนหนี้สินให้ได้อย่างรวดเร็วด้วยการขายสินทรัพย์มูลค่า 30,000 ล้านเหรียญ

2. BP

บริษัท BP PLC ซึ่งตั้งอยู่ในลอนดอนแห่งนี้เป็นอีกบริษัทหนึ่งที่ค่อนข้างมีชื่อเสียงในเรื่องของการจ่ายเงินปันผลเช่นกัน ปัจจุบันบริษัทมีการจ่ายเงินปันผล $0.615 ต่อหุ้นต่อไตรมาส คิดเป็นผลตอบแทนจากเงินปันผล 6.62% เมื่อนับจากปี 2014 เป็นต้นมา บริษัทจ่ายเงินปันผลเพิ่มขึ้นเพียง 5% ซึ่งแสดงให้เห็นว่ากระแสเงินสดของบริษัทรายนี้ยังคงมีอยู่ค่อนข้างจำกัด เฉพาะในปีนี้ หุ้นของบริษัทปรับลดลงไปแล้ว 2% และไปปิดตลาดเมื่อวานนี้อยู่ที่ระดับ $37.16

BP price chart

กราฟราคาหุ้น BP

สาเหตุสำคัญที่ทำให้บริษัท BP ยังขาดกระแสเงินสดมาจนถึงทุกวันนี้ คืออุบัติเหตุน้ำมันรั่วในอ่าวเม็กซิโกเมื่อปี 2010 ซึ่งบริษัทยังจำเป็นต้องมีภาระค่าใช้จ่ายกับเหตุการณ์ภัยพิบัติที่เกิดขึ้นในครั้งนั้นมาถึงปัจจุบันอย่างเนื่อง และน่าจะหมดภาระดังกล่าวภายในอีกไม่กี่ปีต่อจากนี้

ในช่วงการประกาศผลประกอบการไตรมาสที่สอง บริษัท BP มีผลการดำเนินงานเหนือความคาดหมาย และสามารถเพิ่มกระแสเงินสดได้เนื่องจากกำลังการผลิตที่มากขึ้นสามารถชดเชยราคาน้ำมันที่ปรับลดลงได้

กระแสเงินสดจากการดำเนินงานซึ่งไม่รวมถึงค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวกับอุบัติเหตุน้ำมันรั่วในอ่าวเม็กซิโก ปรับขึ้นมาสูงขึ้นกว่าปีก่อนหน้าถึง 17% เป็น 8.2 พันล้านเหรียญ เหนือเหนือจากค่าใช้จ่ายที่ใช้ซื้อหลุมน้ำมันในสหรัฐฯ แล้ว BP ยังต้องจ่ายเงินอีกประมาณ 1.4 พันล้านเหรียญเป็นค่าปรับสำหรับอุบัติเหตุดังกล่าวในปี 2010 ด้วย ในปีนี้ BP วางแผนที่จะขายสินทรัพย์มูลค่า 4-5 พันล้านเหรียญซึ่งถือเป็นส่วนหนึ่งของแผนการแปลงสินทรัพย์เป็นทุนจำนวนทั้งสิ้น 10,000 ล้านเหรียญภายในปี 2020 รวมทั้งเพื่อเป็นการลดอัตราหนี้สินที่มีอีกด้วย

บทสรุป

ทั้งสองบริษัทมีต่างก็มีความน่าสนใจที่แตกต่างกันสำหรับนักลงทุนที่ต้องการลงทุนระยะยาว หากคุณเชื่อว่าราคาน้ำมันจะปรับตัวสูงขึ้นต่อในอนาคต หุ้นปันผลอย่าง Shell ก็เป็นตัวเลือกที่น่าพิจารณา โดยเฉพาะอย่างยิ่งในขณะที่บริษัทกำลังพยายามปรับโครงสร้างหนี้ในงบดุลเพื่อให้มีผลกำไรมากยิ่งขึ้นอย่างในปัจจุบัน หากราคาปรับตัวสูงขึ้นกว่าปัจจุบันได้ หุ้นของ Shell จะเป็นหลักทรัพย์ที่น่าสนใจในเรื่องความสามารถในการสร้างกระแสเงินสดและเงินปันผลที่จะเติบโตขึ้นได้ในระยะยาว

ส่วนหุ้นของบริษัท BP ซึ่งกำลังมีโครงการที่จะขยายธุรกิจอีกหลายโครงการก็มีแนวโน้มจะสร้างกระแสเงินสดอิสระภายในปี 2021 เพิ่มขึ้นได้อีกมาก นอกจากนี้บริษัทยังมีนายเบอร์นาร์ด ลูนีย์ เข้ามารับตำแหน่งซีอีโอคนใหม่ด้วย ซึ่งหลังจากที่บริษัทปรับโครงสร้างสินทรัพย์ภายใน รวมทั้งชำระหนี้สินที่เกิดขึ้นจากภัยพิบัติในอดีตเรียบร้อยแล้ว เขาก็น่าจะมีแนวคิดใหม่ๆ ในการสร้างผลตอบแทนที่คุ้มค่าสำหรับนักลงทุนได้เช่นกัน

ความคิดเห็นล่าสุด

thanks for your very good data
การเปิดเผยความเสี่ยง: การซื้อขายตราสารทางการเงินและ/หรือเงินดิจิตอลจะมีความเสี่ยงสูงที่รวมถึงความเสี่ยงต่อการสูญเสียจำนวนเงินลงทุนของคุณบางส่วนหรือทั้งหมดและอาจไม่เหมาะสมกับนักลงทุนทั้งหมด ราคาของเงินดิจิตอลแปรปรวนอย่างมากและอาจได้รับผลกระทบจากปัจจัยภายนอกต่าง ๆ เช่น เหตุการณ์ทางการเงิน กฎหมายกำกับดูแล หรือ เหตุการณ์ทางการเมือง การซื้อขายด้วยมาร์จินทำให้ความเสี่ยงทางการเงินเพิ่มขึ้น
ก่อนการตัดสินใจซื้อขายตราสารทางการเงินหรือเงินดิจิตอล คุณควรตระหนักดีถึงความเสี่ยงและต้นทุนที่เกี่ยวข้องกับการซื้อขายในตลาดการเงิน ควรพิจารณาศึกษาอย่างรอบคอบในด้านวัตถุประสงค์การลงทุน ระดับประสบการณ์ และ การยอมรับความเสี่ยงและแสวงหาคำแนะนำทางวิชาชีพหากจำเป็น
Fusion Media อยากเตือนความจำคุณว่าข้อมูลที่มีในเว็บไซต์นี้ไม่ใช่แบบเรียลไทม์หรือเที่ยงตรงแม่นยำเสมอไป ข้อมูลและราคาที่แสดงไว้บนเว็บไซต์ไม่ใช่ข้อมูลที่ได้รับจากตลาดหรือตลาดหลักทรัพย์เสมอไปแต่อาจได้รับจากผู้ดูแลสภาพคล่องและดังนั้นราคาจึงอาจไม่เที่ยงตรงแม่นยำและอาจแตกต่างจากราคาจริงในตลาดซึ่งหมายความว่าราคานี้เป็นเพียงราคาชี้นำและไม่เหมาะสมสำหรับวัตถุประสงค์เพื่อการซื้อขาย Fusion Media และผู้ให้ข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้จะไม่รับผิดชอบใด ๆ สำหรับความเสียหายหรือการสูญเสียที่เป็นผลมาจากการซื้อขายของคุณหรือการพึ่งพาของคุณในข้อมูลที่มีในเว็บไซต์นี้
ห้ามใช้ จัดเก็บ ทำซ้ำ แสดงผล ดัดแปลง ส่งผ่าน หรือ แจกจ่ายข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้โดยไม่ได้รับการอนุญาตล่วงหน้าอย่างชัดแจ้งแบบเป็นลายลักษณ์อักษรจาก Fusion Media และ/หรือจากผู้ให้ข้อมูล ผู้ให้ข้อมูลขอสงวนสิทธิในทรัพย์สินทางปัญญาและ/หรือการแลกเปลี่ยนข้อมูลที่ให้ข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้
Fusion Media อาจได้รับผลตอบแทนจากผู้โฆษณาที่ปรากฎบนเว็บไซต์โดยอิงจากปฏิสัมพันธ์ของคุณที่มีกับโฆษณาหรือผู้โฆษณา
เวอร์ชั่นภาษาอังกฤษของเอกสารฉบับนี้เป็นเวอร์ชั่นหลักซึ่งจะเป็นเวอร์ชั่นที่เหนือกว่าเมื่อใดก็ตามที่มีข้อขัดแย้งไม่สอดคล้องตรงกันระหว่างเอกสารเวอร์ชั่นภาษาอังกฤษกับเอกสารเวอร์ชั่นภาษาไทย