สำหรับนักลงทุนที่เพิ่งจะเริ่มมองหาหุ้นที่มีความปลอดภัยในช่วงที่ตลาดมีความกังวลกับสภาวะเศรษฐกิจถดถอยในตอนนี้นั้นอาจจะเสียโอกาสไปอยู่บ้าง หุ้นบางตัวซึ่งเรียกได้ว่าเป็นหุ้นที่มีความเสี่ยงต่ำต่างได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในช่วงที่เศรษฐกิจมีความผันผวนหนักเช่นนี้ ประกอบกับในปีที่ผ่านมา หุ้นกลุ่มนี้ก็ปรับตัวขึ้นมาค่อนข้างมากจนทำให้ปัจจุบันมีราคาสูงลิบ
โดยทั่วไป นักลงทุนมักจะหันไปลงทุนในพันธบัตรในช่วงที่เศรษฐกิจกำลังประสบปัญหาและมีความเสี่ยงสูงขึ้น ความกังวลดังกล่าวเริ่มมีขึ้นตั้งแต่สหรัฐฯ กับจีนเข้าฟาดฟันกันในสงครามทางการค้า ตัวชี้วัดสภาพเศรษฐกิจของสหรัฐฯ หลายตัวก็ส่งสัญญาณว่าเศรษฐกิจกำลังจะกลับตัวเป็นขาลง รวมทั้งเหตุการณ์ล่าสุดที่รัฐสภาเริ่มดำเนินการไต่สวนเพื่อถอดถอนประธานาธิบดีทรัมป์ออกจากตำแหน่ง
วิธีการเตรียมพร้อมรับสถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุดในเวลาที่เศรษฐกิจถดถอยจนทำให้เกิดการเทขายหุ้นออกมาอย่างหนักจนผลักดันดัชนีตลาดหุ้นให้ปรับตัวลงไปอยู่ในแดนลบก็คือ นักลงทุนจะต้องเร่งการเข้าซื้อหุ้นกลุ่มสาธารณูปโภค ทรัสต์ที่ลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ (REIT) และกลุ่มธุรกิจสินค้าอุปโภคบริโภคที่จำเป็นเอาไว้ก่อน
หุ้นต่างๆ ดังกล่าวถือว่าเป็นหุ้นที่สามารถทำผลงานได้ดีแม้ในช่วงเวลาที่เกิดปัญหา ไม่ว่าจะมีเหตุการณ์ที่ยากลำบากใดๆ เกิดขึ้น นักลงทุนจะยังมั่นใจได้ว่าหุ้นเหล่านี้จะยังมีผลตอบแทนในรูปแบบเงินปันผลเป็นส่วนแบ่งแก่นักลงทุนอยู่อย่างสม่ำเสมอ หุ้นปันผลสูงในกลุ่มนี้จึงได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในขณะที่ธนาคารกลางตัดสินใจปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงเพื่อประคับประคองสภาพเศรษฐกิจเช่นนี้ นอกจากนั้นยังให้ผลตอบแทนที่มากกว่าการลงทุนในหลักทรัพย์ที่มีความเสี่ยงอื่น อย่างเช่น พันธบัตรรัฐบาลอีกด้วย
การหันมาพึ่งพาหุ้นที่มีความปลอดภัยสูงทำให้ราคาสูงขึ้น
สำนักข่าว Bloomberg รายงานว่า การที่นักลงทุนต่างหันมาถือหุ้นที่มีความปลอดภัยสูงในปีนี้นั้น ได้ผลักดันให้ราคาหุ้นกลุ่มนี้ปรับตัวสูงขึ้นหลายเท่า ตัวอย่างเช่น หุ้นกลุ่มสาธารณูปโภคมีราคาซื้อขายสูงสุดตลอดกาลอยู่ที่ระดับเกือบ 22 เท่าของกำไร ส่วน REIT ในขณะนี้ก็มีราคาอยู่ในระดับที่สูงที่สุดในรอบสามปีเป็นอย่างน้อย นอกจากนี้หุ้นในกลุ่มสินค้าจำเป็นต่อการอุปโภคบริโภคก็ปรับตัวขึ้นสูงทำลายสถิติในรอบตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ปี 2018 เป็นต้นมา
หุ้นยอดนิยมที่มีความเสี่ยงต่ำบางตัวซึ่งเราเคยแนะนำเอาไว้อย่างเช่นบริษัท Procter & Gamble ผู้ผลิตสินค้าอุปโภคบริโภครายใหญ่ที่สุดของโลกก็ปรับตัวสูงขึ้นจนใกล้จะทำลายสถิติสูงสุดตลอดกาลได้ จนทำให้นักลงทุนที่ยังไม่มีทางไปเหลือทางเลือกอีกไม่มาก
กราฟราคาหุ้น P&G
หุ้น P&G ปิดตลาดเมื่อวานนี้ที่ระดับ $122.84 หลังจากที่สามารถขึ้นไปทำสถิติสูงสุดได้เมื่อเดือนที่ผ่านมาและมีการปรับตัวขึ้นมาได้มากกว่า 50% ในปีที่แล้ว ปัจจุบันมีสัดส่วนของราคาต่อกำไรอยู่ที่ 86 นักลงทุนต่างแห่แหนมาซื้อหุ้น P&G เนื่องจากบริษัทเป็นหนึ่งในหุ้นที่จ่ายเงินปันผลสูงที่สุดในกลุ่มอุตสาหกรรมเดียวกัน บริษัทผู้ผลิตน้ำยาล้างจาน Dawn และผ้าอ้อม Pampers รายนี้ได้ปรับเพิ่มการจ่ายเงินปันผลอย่างต่อเนื่องมาเป็นปีที่ 62 แล้ว และตลอดช่วง 128 ปีที่ผ่านมายังไม่เคยหยุดจ่ายเงินปันผลแม้แต่ครั้งเดียว
สำนักข่าว Bloomberg รายงานว่า กองทุนรวมดัชนีกลุ่มอสังหาริมทรัพย์มีปริมาณเงินลงทุนสูงขึ้น 5.4 พันล้านเหรียญในปี 2019 ซึ่งถือว่ามากกว่าทุกปีหากนับตั้งแต่ปี 2016 เป็นต้นมา กองทุนรวม Vanguard REIT (NYSE:VNQ) ซึ่งถือเป็นกองทุนอสังหาริมทรัพย์ที่มีความยืดหยุ่นสูงที่สุดแห่งหนึ่งก็ทำผลงานในปีนี้ได้มากขึ้นกว่า 18% ในขณะที่ดัชนี S&P 500 นั้นทำผลงานได้เพียง 2%
กราฟราคากองทุน Vanguard REIT
จึงไม่น่าแปลกใจเลยว่า เหตุใดสินทรัพย์ที่มีความปลอดภัยสูงกลุ่มนี้จึงมีมูลค่าสูงขึ้นจนน่าตกใจในช่วงปีที่ผ่านมา แต่ราคาน่าจะยังไม่หยุดอยู่เพียงเท่านี้ ตราบใดที่นักลงทุนยังเชื่อว่าโอกาสในการปรับลดอัตราดอกเบี้ยจะยังคงเกิดขึ้นได้อยู่
ตัวเลขข้อมูลทางเศรษฐกิจล่าสุดที่ยังไม่เป็นไปตามเป้าชี้ให้เห็นว่าสภาพเศรษฐกิจทั่วโลกกำลังเกิดการชะลอตัว อันเป็นผลมาจากความไม่แน่นอนเกี่ยวกับเรื่องสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับจีน ซึ่งส่งผลเสียต่อภาคอุตสาหกรรม ความเชื่อมั่นของผู้บริโภค และการลงทุนจากภาคธุรกิจ ปัจจัยต่างๆ เหล่านี้จึงทำให้นักลงทุนเชื่อว่าจะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ย ลงอีกครั้งในเดือนนี้
อีกวิธีหนึ่งที่จะช่วยให้คุณรับมือกับสถานการณ์ดังกล่าวได้คือการหาหุ้นที่มีความปลอดภัยสูงจากกลุ่มอื่นๆ ที่เห็นว่าเป็นบริษัทที่ให้ผลตอบแทนค่อนข้างคงที่ อย่างเช่น หุ้นของบริษัท Microsoft หรือ Apple (NASDAQ:AAPL) ก็เป็นหุ้นที่จ่ายเงินปันผลและอยู่ในสถานะที่ค่อนข้างมั่นคงและทนทานต่อสภาวะเศรษฐกิจได้ดี เนื่องจากบริษัทมีการกระจายฐานรายได้จากหลายทางและมีเงินสดสำรองจำนวนมาก แม้ว่าหุ้นดังกล่าวจะไม่ได้มีราคาถูกเมื่อเทียบกับหุ้นที่แปรผันไปตามสภาวะเศรษฐกิจ แต่หุ้นเหล่านี้ก็จะเติบโตขึ้นต่อได้หลังจากที่เศรษฐกิจกลับมาเป็นปกติอีกครั้ง
บทสรุป
หลังจากที่ราคาหุ้นกลุ่มที่มีความปลอดภัยสูงปรับตัวขึ้นมาได้ค่อนข้างแรงในปีที่ผ่านมาจนทำให้ปัจจุบันมีราคาสูงและไม่ค่อยได้รับความสนใจแล้วก็ตาม แต่หากว่าอัตราดอกเบี้ยยังคงต้องลดต่ำลงอีก นักลงทุนก็ยังคงจำเป็นที่จะต้องหาหุ้นที่ให้ผลตอบแทนเป็นกระแสเงินสดที่มากกว่าเดิม ซึ่งก็จะเป็นการผลักดันให้ราคาของหุ้นในกลุ่มดังกล่าวปรับตัวสูงขึ้นต่อไปได้อีก