ในโลกที่ Amazon ยังครองอันดับหนึ่งเหนือคู่แข่งส่วนใหญ่ในตลาดอยู่เช่นนี้ จึงยากเหลือเกินที่จะมีบริษัทที่จะสามารถทำผลงานได้โดดเด่นเหนือความคาดหมายอย่างสม่ำเสมอได้ แต่ก็ไม่ได้แปลว่าจะไม่มีเสียทีเดียว เพราะหนึ่งในบริษัทที่มีความสามารถดังกล่าวก็คือยักษ์ใหญ่ในวงการผลิตภัณฑ์ทางด้านกีฬาอย่าง Nike นั่นเอง
บริษัท Nike เปิดเผยรายงานออกมาเมื่อวันอังคารที่ผ่านมาว่าบริษัทสามารถทำกำไรได้ $0.86 ต่อหุ้นสำหรับช่วง ไตรมาสแรกของปี ที่นับถึงเดือนสิงหาคมซึ่งสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์เอาไว้อย่างมาก ผลกำไรในไตรมาสนี้ยังสูงกว่าตัวเลขขั้นสูงที่มีการคาดการณ์ของตลาดวอลล์สตรีทที่ระดับประมาณ $0.13 เซนต์ด้วยซ้ำไป ยอดขายของบริษัทยังมากขึ้นถึง 7% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา และถือว่าขยายตัวขึ้นได้ 10% หลังพิจารณาความผันผวนด้านอัตราแลกเปลี่ยนแล้ว
ตลอดระยะเวลา 11 ปีที่ผ่านมา Nike สามารถทำผลงานดีกว่าที่มีการคาดการณ์ไว้ได้มากกว่า 90% ในขณะที่ในส่วนของการซื้อขายออนไลน์ Amazon ยังคงเป็นผู้ครองตลาดหากพิจารณาในเรื่องปริมาณการใช้จ่ายของผู้บริโภค
กลยุทธ์ที่ทำให้บริษัทเติบโตได้ดีเช่นนี้เรียกว่า “กลยุทธ์การใช้สามสิ่งที่มีเป็นสองเท่า” ซึ่งหมายถึงการใช้แหล่งทรัพยากรเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่ากับการทำธุรกิจดิจิทัล การเร่งสร้างนวัตกรรมและผลิตภัณฑ์ใหม่ รวมทั้งการสร้างความสัมพันธ์
แบบ 1 ต่อ 1”
ผู้บริหารหลายคนของบริษัทก็เลือกใช้รูปแบบภาษาเช่นเดียวกันนี้ในการสื่อสารกับผู้ถือหุ้นเช่นกัน แต่สำหรับ Nike แล้ว บริษัทมีข้อมูลที่เห็นได้ชัดเจนมาสนับสนุนแนวคิดดังกล่าวด้วย แบรนด์ของ Nike ได้กลายมาเป็นแบรนด์ที่ทรงพลังมาก เพราะผลิตภัณฑ์รองเท้าและชุดกีฬาของ Nike นั้นไม่ได้มีไว้เพื่อการสวมใส่ในการออกกำลังกายหรือใช้เฉพาะในสนามฟุตบอลเท่านั้น แต่ยังใช้ได้ในทุกหนแห่งอีกด้วย
Nike ยังเป็นผู้ชนะตลอดกาล
ผลจากความพยายามดังกล่าวทำให้ Nike ขึ้นแท่นเป็นผู้ครองตลาดที่ใหญ่ที่สุดรายหนึ่งซึ่งเหนือกว่าคู่แข่งในตลาดยุโรปของตนเองอย่าง Adidas AG นอกจากนี้ธุรกิจของ Nike ยังคงเติบโตได้ดีในตลาดเอเชียอีกด้วย
จากข้อมูลในรายงานผลประกอบการล่าสุด เฉพาะยอดขายในประเทศจีน หากยังไม่พิจารณาเรื่องอัตราแลกเปลี่ยน NIke ก็สามารถทำยอดขายเพิ่มขึ้นได้ถึง 27% แม้ว่าสงครามการค้าจะยังดุเดือดอยู่ก็ตาม ทั้งที่บริษัทสัญชาติอเมริกันที่ดำเนินธุรกิจในจีนน่าจะได้รับผลกระทบอย่างหนักด้วยซ้ำไป
สิ่งที่ Nike มีความเชี่ยวชาญมากอีกอย่างหนึ่งคือกลยุทธ์การซื้อขายออนไลน์ ซึ่งมีส่วนช่วยในการลดต้นทุน เร่งยอดขาย และเพิ่มผลกำไรให้ได้มากขึ้น ธุรกิจการขายในช่องทางดิจิทัลของ Nike เพิ่มมากขึ้นถึง 42% เมื่อเทียบกับไตรมาสแรกของปีที่ผ่านมาซึ่งเติบโตขึ้นได้ 35% และในไตรมาสแรกที่ผ่านมา บริษัทได้ขยายธุรกิจไปทั่วภูมิภาคอเมริกาเหนือจนทำให้เติบโตขึ้นได้ 30% สำหรับในยุโรป ตะวันออกกลาง และอาฟริกาก็เติบโตขึ้นได้เป็นตัวเลขสองหลักเช่นกัน ส่วนเอเชียแปซิฟิกและอเมริกาใต้ธุรกิจเติบโตขึ้นถึง 50% และในจีนก็ก้าวกระโดดขึ้นมาได้มากกว่า 70%
Nike ยังคงสามารถรักษาการเติบโตของรายได้รายปีในอัตราที่เป็นตัวเลขหลักเดียวที่ค่อนข้างสูงไว้ได้อย่างสม่ำเสมอ และปรับตัวเลขกำไรที่คาดการณ์ขึ้นมา 50-75 จุดเบสิส ซึ่งก่อนหน้านี้คาดว่าน่าจะเพิ่มขึ้นประมาณ 50 จุดเบสิส
กราฟราคาหุ้นของ Nike
จากตัวเลขรายงานผลประกอบการที่ออกมาค่อนข้างดีเยี่ยมจึงทำให้หุ้นของ Nike ทะยานสูงขึ้นไปอย่างมาก โดยเมื่อวานนี้หุ้นของบริษัทปรับเพิ่มขึ้นไป 4.16% ไปปิดที่ระดับ $90.81 โดยสามารถขึ้นไปทำลายสถิติราคาสูงสุดใหม่ได้ในระหว่างวันที่ระดับ $92.79 เมื่อพิจารณาการปรับตัวขึ้นมาเมื่อวานนี้ไปด้วยแล้วจะถือว่าหุ้นของบริษัทสามารถปรับตัวขึ้นมาได้ราว 24% แล้วในปีนี้ และยังคงแนวโน้มขาขึ้นต่อไปที่ตลอดห้าปีที่ผ่านมาสามารถเพิ่มมูลค่าของบริษัทได้มากกว่าสองเท่าแล้ว
หลังจากที่เกิดการฟื้นตัวดังกล่าวขึ้น ราคาหุ้นของ Nike จึงมีอัตราราคาต่อกำไรอยู่ที่ประมาณ 35 ซึ่งถือว่าค่อนข้างสูง ซึ่งก็หมายความว่าบริษัทผู้จำหน่ายรองเท้าและชุดกีฬารายนี้จะต้องทำผลงานและเติบโตให้ได้เร็วกว่า Facebook และ Apple (NASDAQ:AAPL) เพื่อพิสูจน์ผลงานของตนให้ได้ตามความเชื่อมั่นที่เกิดขึ้นจากตัวเลขดังกล่าว นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ก็ยังเชื่อว่า Nike น่าจะสามารถทำได้อย่างแน่นอน
นายแซม โพเซอร์ นักวิเคราะห์จากมหาวิทยาลัย Susquehanna กล่าวว่า
“ความคิดริเริ่มสร้างสรรค์และการลงทุนอย่างมีชั้นเชิงของ Nike โดยเฉพาะในด้านธุรกิจดิจิทัลจะเป็นแรงหนุนให้ Nike พัฒนาในอัตราการเติบโตเป็นตัวเลขหลักเดียวที่ค่อนข้างสูงเช่นนี้ต่อไปได้อย่างยั่งยืนโดยไม่ได้รับผลกระทบจากค่าเงินที่เปลี่ยนแปลง และยังจะสามารถทำกำไรต่อไปได้มากขึ้น"
บทสรุป
Nike เป็นหุ้นปันผลที่มีความแข็งแกร่งตัวหนึ่งในตลาดที่จ่ายเงินปันผลประจำไตรมาสจำนวน $0.22 และให้ผลตอบแทนที่อัตรา 1.01% ซึ่งเหมาะสำหรับการเก็บไว้ในพอร์ตการลงทุนระยะยาวเพื่อการสร้างผลตอบแทนจากการเติบโตและรายได้ที่แข็งแกร่งของบริษัท ผลกำไรของ Nike คือสิ่งที่ยืนยันว่านวัตกรรมเชิงกลยุทธ์ใหม่ๆ ของบริษัทนั้น นอกจากจะทำให้ Nike เป็นยักษ์ใหญ่ในวงการผลิตภัณฑ์กีฬาแล้ว ยังจะช่วยให้บริษัทเป็นธุรกิจที่มีความสามารถในการทำกำไรได้สูงอีกด้วย