ราคาไก่ส่งออกดีทั้งราคาและปริมาณ, GACC สุ่มตรวจไก่ไทยเร็วกว่ากำหนด
ผู้จัดการสมาคมผู้เลี้ยงไก่เพื่อส่งออกไทย ระบุว่าโรค ASF ทำให้จีนขาดแคลนหมูอย่างหนัก ส่งผลให้ราคาเนื้อหมูจีนแพงมาก ไก่จึงได้รับความนิยมมากขึ้นเพราะเป็นสินค้าทดแทนกันได้ ทำให้ราคาไก่ในจีนเพิ่มขึ้นเท่าตัวเช่นกัน เป็นบวกกับโรงงานไก่ 7 โรงของไทยที่ผ่านการตรวจสอบจากสำนักงานการศุลกากรแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน (GACC) เมื่อ เม.ย. 2561 ซึ่ง 4 โรงในนั้นมี 2 โรงของ CPF, 1 โรงของ GFPT และ 1 โรงของ TFG โดยสินค้าที่จีนต้องการมากคือ เท้าไก่ราคาเพิ่มขึ้นจากตันละ US$2,000 – 3,000 เป็นสูงสุดถึง US$4,200 ปีกกลางไก่จากตันละ US$3,000 เพิ่มขึ้นเป็น US$5,200 ซึ่งเป็นราคาที่ทำระดับสูงสุดใหม่ เป็นบวกต่อรายได้และกำไรในธุรกิจไก่ของทั้ง CPF, GFPT และ TFG อย่างมากเพราะเพิ่มขึ้นทั้งด้านปริมาณและราคา ขณะที่ต้นทุนการผลิตอย่างข้าวโพดและกากถั่วเหลือลดลง โดยมีผลต่อ GFPT มากที่สุดเพราะมีธุรกิจไก่ 100% นอกจากนี้ GACC ได้เข้ามาตรวจสอบฟาร์มไก่เพิ่มเติมจำนวน 10 โรง ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา เร็วกว่ากำหนดเดิมในเดือน ต.ค. โดยมีโรงของ CPF 1 – 2 โรง, โรงของ GFN บริษัทย่อยของ GFPT อีก 1 โรง คาดทราบผลใน 1 เดือน เป็นปัจจัยบวกที่รออยู่สำหรับผู้ประกอบการฟาร์มไก่ ซึ่งหนุนราคาไก่ในประเทศปรับตัวขึ้นเช่นกัน
พบหมูตายตลาดตีความไปแล้วว่าเป็น ASF ผลจะเป็นอย่างไรก็เป็นจังหวะสะสม
ช่วง 1- 2 สัปดาห์ราคาหุ้น CPF ปรับตัวลง 10% จากความกังวล ASF เข้าไทย และ ลงแรงเมื่อพบหมูตายที่เชียงรายและทำลายหมูไปราว 300 ตัว เมื่อวันจันทร์ที่ 16 ก.ย. แม้ว่าทางการยังไม่ระบุว่าเป็น ASF หรือไม่ แต่ตลาดได้ตีความไปแล้วว่าหมูที่ตายเกิดจาก ASF เห็นได้จากราคาหุ้น CPF และ TFG ที่ปรับตัวลงแรง ดังนั้นหากทราบผล (คาดว่าเป็นภายในวันจันทร์ที่ 30 ก.ย.) เราประเมินได้ 2 ทางคือ 1) ไม่ใช่ ASF ราคาหุ้น CPF และ TFG จะดีดตัวได้แรงทันที 2) เป็น ASF ราคาหุ้นอาจตอบสนองเชิงลบแต่เป็นจังหวะสะสม เพราะเชื่อว่าฟาร์มหมูของผู้ประกอบการรายใหญ่จะรอดพ้นจาก ASF และได้ประโยชน์จากราคาหมูที่ปรับตัวขึ้นในระยะถัดไป แต่ช่วงสั้นอาจสร้างความกังวลการบริโภคหมู และกดดันราคาหมูในประเทศ แต่เชื่อว่ากระทบ CPF จำกัด เพราะในเชิงปริมาณแล้วผู้บริโภคจะเลือกบริโภคหมูที่มีคุณภาพมากขึ้น จากเดิมที่ซื้อจากตลาดทั่วไปเป็นแบรนด์ที่ไว้วางใจมากขึ้น ส่วนไก่ได้ประโยชน์เพราะเป็นสินค้าทดแทนของหมู เลือก CPF และ GFPT หุ้นเด่น ถ้าไม่ต้องการรับความเสี่ยงจาก ASF เลือก GFPT ถ้าชอบ High risk, High return แล้วซื้อเพื่อลงทุนเลือก CPF นอกจากนี้ราคาหมูที่ปรับตัวลงเป็นบวกต่อ ZEN
ราคาหมูในประเทศลดลงเพียงชั่วคราว
ความกังวลต่อสถานการณ์ ASF ระบาดในไทย และผลต่อราคาหมูในประเทศ เราสรุปเป็นระยะได้ดังนี้
ระยะที่ 1: ราคาหมูร่วงเพราะรายย่อย = ซื้อหุ้นไก่ รอซื้อหุ้นหมู
ความกังวลต่อ ASF ผู้เลี้ยงรายย่อยเร่งขายหมูดั้มราคา กดดันราคาตลาดของหมูหน้าฟาร์มในประเทศ เพราะกังวลว่าหมูในฟาร์มเลี้ยงของตนอาจถูกทำลายหากอยู่ในรัศมี 1 กม. ที่พบเชื้อ หรือพบหมูตายไม่ทราบสาเหตุ ทำให้บางรายยอมขายขาดทุน ดีกว่าถูกทำลาย แต่การจ่ายชดเชยของทางการในอัตรา 75% ของมูลค่าหมูที่ขายได้ ช่วยจำกัด Downside ของราคาหมูในประเทศ อิงต้นทุนรายย่อยที่ 68 บาท/ก.ก. คาดว่า Downside หมูจะอยู่ที่ 49-51 บาท/ก.ก. ซึ่งจะกระทบกับผู้ประกอบการรายใหญ่เพียงเล็กน้อยเพราะมีจุดคุ้มทุนที่ 53 – 54 บาท/ก.ก. และมีรายได้จากธุรกิจอื่นช่วยลดผลกระทบ นอกจากนี้ต้นทุนข้าวโพดและกากถั่วเหลืองที่ลดลงช่วยลดผลกระทบเช่นกัน โดย CPF มีธุรกิจฟาร์มหมูในประเทศสัดส่วนเพียง 8-10% ของรายได้ทั้งหมด ส่วน TFG มีสัดส่วนราย 23 – 25% ของรายได้ ขณะที่ได้ธุรกิจหมูในเวียดนามช่วยลดผลกระทบอีกทางหนึ่งหลังราคาหมูในเวียดนามกลับมาทำกำไรได้จากที่ขาดทุนใน 2Q62
ช่วงระยะเวลานี้คาดมีผลราว 1 – 2 เดือน เนื่องจากมีการทยอยขายของรายย่อยมาต่อเนื่องแล้วก่อนหน้านี้ ทำให้เหลือหมูของรายย่อยอีกไม่มาก เพียงแต่การฟื้นตัวของราคายังต้องใช้เวลา
ระยะที่ 2: หาก ASF ระบาดในไทย = ลดน้ำหนักหุ้นไก่ สะสมหุ้นหมู
หากมีการระบาดของ ASF ในประเทศคาดว่าจะไม่รุนแรงเหมือนที่เกิดในจีน และเวียดนามเพราะโครงสร้างการเลี้ยงในไทยเป็นรายใหญ่ที่เลี้ยงแบบระบบปิดในสัดส่วน 70% และกรมปศุสัตว์ไทยมีประสบการณ์ และเตรียมความพร้อมเป็นอย่างดี ขณะที่จะเป็นช่วงที่ผู้บริโภคเริ่มกังวลการบริโภคหมูท้องถิ่น หันไปบริโภคไก่แทน ขณะที่หากบริโภคหมูจะเน้นหมูที่มีความน่าเชื่อถือ มีแบรนด์มากกว่าหมูตามท้องตลาดทั่วไป แม้ว่าธุรกิจหมูของ CPF และ TFG อาจได้รับผลกระทบในช่วงนี้จากราคาตลาดที่อ่อนตัว แต่ด้านปริมาณขายจะเพิ่มขึ้น อีกทั้งเป็นช่วงขาขึ้นของการบริโภคไก่ในประเทศ เพราะเป็นสินค้าทดแทน จึงเป็นจังหวะขายทำกำไรหุ้นไก่ และกลับมาสะสมหุ้นหมู
หากมี ASF เข้าไทยคาดช่วงเวลานี้ใช้เวลาอีก 3 – 4 เดือนจากนี้ โดยน่าจะเห็นภาพชัดเจนในช่วง ปลายปี 2562 ถึง 1Q63
ระยะที่ 3: สถานการณ์เริ่มนิ่ง/ไม่พบ ASF ในไทย คนอดหมูไม่ได้ ราคาหมูไต่ระดับขึ้น = ซื้อทั้งหุ้นหมู และหุ้นไก่
ผลของการเอาหมูออกมาขายก่อนกำหนด และพฤติกรรมผู้บริโภคที่นิยมหมูพรีเมี่ยมมากขึ้นส่งผลให้ราคาหมูในประเทศจะปรับตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว และแม้จะเป็นปัจจัยกระตุ้นให้ผู้เลี้ยงรายย่อยกลับมาเลี้ยงหมูใหม่ แต่ต้องใช้เวลาอีกอย่างน้อย 1 ปี กว่าจะสามารถจำหน่ายหมูเต็มวันได้ ทำให้ปี 2563 เป็นปีที่ดีของธุรกิจหมู ขณะที่ราคาหมูที่สูงเป็นบวกโดยอ้อมต่อธุรกิจไก่เพราะเป็นเยื้อโปรตีนที่ทดแทนกันได้และมีราคาต่ำกว่า จึงเป็นจังหวะลงทุนในหุ้นที่ทำธุรกิจหมู และไก่
เราคาดว่าสถานการณ์นี้จะเกิดขึ้นในช่วง 2Q63 โดยคาดว่าปี 2563 จะเป็นปีที่ดีมากสำหรับ CPF เพราะหมูไทยกลับมาปรับตัวขึ้น ราคาหมูเวียดนามคาดทำ New high แบบจีนเพราะขาดแคลนหนัก การส่งออกไก่เร่งตัวขึ้นจากจีน และโอลิมปิคญี่ปุ่น รองลงมาคือ TFG มีทั้งหมูและไก่ และ GFPT อีกทั้งต้นทุนกากถั่วเหลืองทรงตัวระดับต่ำเพราะ ASF ระบาดทั่วเอเชียทำให้ความต้องการลดลงมาก Corporate Governance Report Rating (CG Score)
บทวิเคราะห์นี้จัดทำขึ้นและเผยแพร่โดยทีมนักวิเคราะห์ของ Yuanta Securities