หุ้นของบริษัท Curaleaf Holdings (CSE:CURA) ปิดตลาดเมื่อสัปดาห์ที่แล้วสูงขึ้น 12.5% หลังจากที่ได้ประกาศผลประกอบการประจำ ไตรมาสที่สอง ออกมาเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา แม้ว่าบริษัทจะมีกำไรต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดเอาไว้ แต่บริษัทได้วางตัวเลขการคาดการณ์สำหรับปี 2020 ไว้อย่างมุ่งมั่นว่าจะต้องขึ้นเป็นผู้ผลิตอันดับหนึ่งในอุตสาหกรรมกัญชาให้ได้ด้วยตัวเลขรายได้ที่น่าจะสูงถึง 1 พันล้านเหรียญ (1,300 ล้านดอลลาร์แคนาดา)
ตัวเลขการคาดการณ์ดังกล่าวทำให้หุ้นของบริษัทดีดตัวขึ้นอย่างรวดเร็วและถือเป็นการตอกย้ำการเป็นหนึ่งในกลุ่มบริษัทผู้ผลิตที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งในอเมริกาเหนือโดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อบริษัท Canopy Growth (NYSE:CGC) และ (TSX:WEED) ซึ่งก่อนหน้านี้เคยคาดการณ์ไว้ว่าจะมีรายได้แตะระดับ 1 พันล้านเหรียญเริ่มที่จะหยุดนิ่งและลดตัวเลขที่คาดการณ์ของตนลงแล้วในขณะนี้
กราฟราคาหุ้น Curaleaf
Curaleaf ซึ่งดำเนินธุรกิจอยู่ใน 12 รัฐได้วางตัวเลขรายได้ที่คาดการณ์ไว้ที่ระหว่าง 1-1.2 พันล้านเหรียญในปีหน้า โดยบริษัทเสริมว่าเป้าหมายดังกล่าวจะขึ้นอยู่กับผลการเข้าซื้อธุรกิจอีกสองแห่ง ซึ่งก็คือ Select และ Grassroots
การควบรวมกิจการครั้งสำคัญ
เมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา Curaleaf ประกาศว่าได้เข้าซื้อกิจการของแบรนด์ Select จากบริษัท Cura Partners โดยชำระเป็นหุ้นทั้งหมดเป็นมูลค่า 948.8 ล้านเหรียญ (1,270 ล้านดอลลาร์แคนาดา) ซึ่ง Select ถือเป็นแบรนด์ที่มีชื่อเสียงในฐานะผู้ค้าส่งกัญชาในสหรัฐฯ ข้อตกลงดังกล่าวรวมถึงการผลิต กระบวนการ การจัดจำหน่าย การตลาด และกระบวนการการค้าปลีกของ Select ทั้งหมดซึ่งรวมถึงเครือข่ายร้านค้าปลีกรายย่อยอีก 900 สาขาในแคลิฟอร์เนีย แอริโซนา โอเรกอน และเนวาดาด้วย
จากนั้นในเดือนกรกฎาคม Curaleaf ก็ได้ประกาศว่าได้เข้าซื้อกิจการของ GR Companies ไปในมูลค่า 875 ล้านเหรียญ (1,680 ล้านดอลลาร์แคนาดา) ซึ่งเรียกกันโดยทั่วไปว่า Grassroots ซึ่งเป็นบริษัทเอกชนที่ทำธุรกิจเกี่ยวกับกัญชาในหลายรัฐที่ใหญ่ที่สุดในอเมริกา เมื่อข้อตกลงนี้สมบูรณ์ก็จะทำให้ Curaleaf เป็นบริษัทที่ทำธุรกิจด้านกัญชาที่ใหญ่ที่สุดในสหรัฐฯ และหากพิจารณาในแง่ของรายได้ก็ถือว่าใหญ่ที่สุดในโลกด้วย นอกจากนั้นการเข้าซื้อกิจการดังกล่าวจะทำให้ Curaleaf มีฐานการดำเนินงานขยายไปใน 19 รัฐอีกด้วย
แต่ปัจจุบัน ข้อตกลงการเข้าซื้อกิจการทั้งสองแห่งดังกล่าวกำลังอยู่ระหว่างการพิจารณาของคณะกรรมการป้องกันการผูกขาดจากกระทรวงยุติธรรมของสหรัฐฯ
การเติบโตของรายได้ที่น่าประทับใจ
ไม่ว่าจะมีข่าวออกมาอย่างไร เราก็ไม่ควรมองข้าม ผลประกอบการในไตรมาสที่ 2 ของ Curaleaf เนื่องจากบริษัทสามารถมีรายได้จริงที่เติบโตขึ้นจากปีก่อนหน้าได้ถึง 231% ไปแตะที่ระดับ 48.5 ล้านเหรียญ (64.7 ล้านดอลลาร์แคนาดา) สำหรับไตรมาสที่สิ้นสุด ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2019 โดยในไตรมาสเดียวกันของปี 2018 บริษัทเคยมีรายได้อยู่ที่ 14.6 ล้านเหรียญ (19.5 ล้านดอลลาร์แคนาดา) ยอดขายทั้งหมดในไตรมาสที่ 2 ของปี 2019 เพิ่มขึ้น 38% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน
ตัวเลขการขาดทุนสุทธิก็เพิ่มขึ้นด้วยเช่นกัน โดยมีการขาดทุนอยู่ที่ 24.5 ล้านเหรียญ (32.7 ล้านดอลลาร์แคนาดา) เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปี 2018 อยู่ที่ 4.93 ล้านเหรียญ (6.6 ล้านดอลลาร์แคนาดา) และเมื่อเทียบกับไตมาสก่อนหน้า บริษัทขาดทุนอยู่ที่ 10.2 ล้านเหรียญ (13.6 ล้านดอลลาร์แคนาดา)
แต่หากพิจารณาเปรียบเทียบกับผู้เล่นรายใหญ่ในอุตสาหกรรมเดียวกัน โดยเฉพาะบริษัทผู้ผลิตกัญชารายใหญ่ที่สุดในแคนาดาที่มีมูลค่าตลาดสูงที่สุดในโลกอย่าง Canopy Growth แล้ว Curaleaf ก็ถือว่าไม่ได้กระจอกเลย
หากข้อตกลงการเข้าควบรวมกิจการทั้งสองครั้งของ Curaleaf ผ่านการพิจารณาจากกระทรวงยุติธรรมของสหรัฐฯ เรียบร้อยแล้ว บริษัทนี้ก็จะเป็นบริษัทหนึ่งที่น่าจับตามองในช่วงครึ่งหลังของปี 2019 บริษัทหนึ่งเลยทีเดียว
ปริมาณการผลิตกัญชาในแคนาดามากขึ้นเป็นสองเท่าหลังจากที่ได้รับอนุญาตทางกฎหมาย
ตั้งแต่แคนาดาอนุญาตให้ใช้กัญชาได้อย่างถูกต้องตามกฎหมายเมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมา ปริมาณการผลิตกัญชาที่ได้รับอนุญาตก็ได้เพิ่มมากขึ้นถึงสองเท่า ตัวเลขดังกล่าวเป็นหนึ่งในข้อมูลทางสถิติที่ได้จากรายงานตัวเลข จีดีพี ของแคนาดาในเดือนล่าสุดที่ประกาศออกมาเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา
ในเดือนมิถุนายน กลุ่มผู้ผลิตกัญชาได้ผลิตกัญชารวมเป็นมูลค่า 7,780 ล้านดอลลาร์แคนาดา (5,830 ล้านเหรียญ) นับตั้งแต่กัญชาเป็นสิ่งถูกกฎหมาย สำนักงานสถิติแคนาดาประเมินว่าตลาดมืดที่ค้าขายกัญชาในประเทศลดลงไปราว 21%
อิสราเอลออกใบอนุญาตให้เพาะปลูกได้เพิ่มขึ้น
Calcalist รายงานว่ากระทรวงสาธารณสุขของอิสราเอลได้ออกใบอนุญาตให้เพาะปลูกกัญชาเพื่อใช้ในทางการแพทย์ใหม่อีก 7 ใบเพื่อให้สอดคล้องกับนโยบายการปรับปรุงอุตสาหกรรมกัญชาภายประเทศ การออกใบอนุญาตดังกล่าวน่าจะช่วยทำให้ผลิตภัณฑ์ที่มาจากกัญชาเพื่อใช้เป็นยามีมากขึ้นถึงสามเท่าภายในสิ้นปีนี้
นโยบายการปรับปรุงอุตสาหกรรมกัญชาในครั้งนี้ของอิสราเอลจะออกกฎห้ามจำหน่ายกัญชาให้กับบุคคลทั่วไป แต่ผลิตภัณฑ์ที่ทำมาจากกัญชาทั้งหมดจะต้องขายเฉพาะในร้านขายยาเท่านั้น