รับส่วนลด 40%
🔥 กลยุทธ์การหุ้นคัดเลือกโดย AI ของเรา หุ้นเทคฯ ยักษ์ใหญ่ ทะยานขึ้น +7.1% ในเดือน พฤษภาคม เข้าเทรดขณะหุ้นกำลังมาแรงรับส่วนลด 40%

2 เหตุผลที่ทำให้ Facebook ยังเหนือกว่าคู่แข่งได้แม้ในช่วงตลาดผันผวน

เผยแพร่ 03/09/2562 15:47
อัพเดท 09/07/2566 17:31
AAPL
-
NFLX
-
META
-

Facebook (NASDAQ:FB)ยังเป็นผู้นำในหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีซึ่งหุ้นกลุ่มนี้ยังมี Apple (NASDAQ:AAPL) และ Netflix (NASDAQ:NFLX) รวมอยู่ด้วย Facebook สามารถฟื้นตัวกลับมาได้อย่างน่าทึ่ง หลังจากที่ต้องเผชิญกฎเกณฑ์และข้อบังคับต่างๆ และยังต้องจ่ายเงินค่าปรับจำนวนมหาศาล ตลอดจนขาดความไว้วางใจจากผู้คนโดยทั่วไปเกี่ยวกับนโยบายการใช้งานแพลตฟอร์มสื่อสังคมออนไลน์ของบริษัทมาพักใหญ่

ในปีนี้หุ้นของ Facebook สามารถปรับตัวขึ้นได้มากกว่า 40% ไปปิดตลาดเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาอยู่ที่ $185.67 การฟื้นตัวกลับมาอย่างแข็งแรงนี้เกิดขึ้นหลังจากปี 2018 ซึ่งเป็นปีแห่งความโกลาหลของบริษัท ในขณะนั้นหุ้นของบริษัทปรับตัวลดลงไปถึง 26% เนื่องจากมีปัญหาสำคัญหลายด้านที่เข้ามาบั่นทอนความเชื่อมั่นของนักลงทุน เกี่ยวกับแพลตฟอร์มของ Facebook ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการรั่วไหลของข้อมูล ความกังวลในเรื่องความเป็นส่วนตัว รวมทั้งการแทรกแซงทางการเมือง

Facebook price chart

กราฟราคาหุ้นของ Facebook

แม้ว่าในขณะนี้ราคาหุ้นของ Facebook จะยังซื้อขายกันอยู่ที่ระดับต่ำกว่าราคาสูงสุดตลอดกาลที่เคยทำได้ในช่วงฤดูร้อนที่ผ่านมาอยู่ 14% ทิศทางการเคลื่อนไหวของราคาที่ยังปรับตัวขึ้นในปีนี้ก็ไม่ได้เป็นไปตามการคาดการณ์ของนักลงทุนที่เชื่อว่ายอดขายในปีนี้ของ Facebook น่าจะลดลงแต่อย่างใด Facebook รายงานผลประกอบการประจำ ไตรมาสที่สอง ซึ่งสิ้นสุด ณ วันที่ 30 มิถุนายนว่ามียอดขายเพิ่มขึ้น 28% ซึ่งไม่เป็นไปตามที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดการณ์ไว้

ในอนาคตก็ยังไม่แน่นอนว่าสื่อสังคมออนไลน์ยักษ์ใหญ่ของโลกรายนี้จะมีอุปสรรคด้านใดเข้ามาอีกหรือไม่ จากการประชุมคอนเฟอร์เรนซ์กับนักวิเคราะห์ล่าสุดในเดือนกรกฎาคม หัวหน้าฝ่ายการเงินของบริษัทได้ออกมาเตือนว่ารายได้ของ Facebook ในปีนี้อาจจะยังชะลอตัวต่อไป เนื่องจากกฎระเบียบเกี่ยวกับการจัดเก็บข้อมูลส่วนบุคคลใน Facebook ตลอดจนการนำข้อมูลดังกล่าวไปใช้สำหรับการโฆษณาเริ่มมีมากขึ้น จึงทำให้ Facebook ประสบปัญหาในการสร้างรายได้จากการโฆษณา

จึงไม่น่าแปลกใจเลยว่าระเบียบข้อบังคับต่างๆ ที่ Facebook ต้องปฏิบัติตามนั้นน่าจะยังเป็นอุปสรรคหลักในการเติบโตของบริษัทสื่อสังคมออนไลน์รายนี้ต่อไปในอนาคต เนื่องจากนักการเมืองและผู้ออกกฎเกณฑ์ต่างๆ พยายามที่จะบังคับใช้กฎเหล่านี้ในการควบคุมและป้องกันไม่ให้มีการใช้งานที่ไม่เหมาะสมเกิดขึ้น แต่ทางด้านของ Facebook เองนั้น นักลงทุนกลับมีความเชื่อมั่นในความสามารถของกรรมการผู้บริหารอย่างมาร์ก ซักเคอร์เบิร์กเพิ่มมากขึ้นว่าจะสามารถสร้างผลตอบแทนที่ดีขึ้น รวมทั้งลดปัญหาที่เกิดขึ้นดังกล่าวลงได้

เหตุผลสองข้อที่ทำให้เชื่อว่าบริษัทน่าจะยังเติบโตต่อไปได้มีดังนี้

1. ปริมาณผู้ใช้งานที่เพิ่มมากขึ้น

ตัวชี้วัดสำคัญที่ใช้เป็นตัวชี้เป็นชี้ตายของบริษัทสื่อสังคมออนไลน์ก็คือจำนวนการเข้าใช้งานของผู้ใช้ ในช่วงหลายไตรมาสที่ผ่านมาเราจะเห็นแนวโน้มการใช้งานแอปหลักของ Facebook ได้อย่างชัดเจน รายได้หลักจากภูมิภาคที่เคยสร้างรายได้ให้กับ Facebook อย่างอเมริกาและยุโรปเริ่มคงที่

จำนวนผู้ใช้รายวันของสื่อสังคมออนไลน์อย่าง Facebook รวมถึงแอป Messenger ของบริษัทเพิ่มขึ้นเป็น 1,600 ล้านคนในไตรมาสที่สอง คิดเป็นอัตราการเติบโตจากปีที่แล้ว 8% ซึ่งถือว่าเป็นการเติบโตที่ช้าที่สุดเป็นอันดับสองในประวัติศาสตร์ของบริษัทเลยทีเดียว

ในขณะที่การเติบโตของจำนวนผู้ใช้แอปหลักของ Facebook เริ่มชะลอตัวลง บริษัทก็มีผู้ใช้ใหม่ที่เข้าใช้งานแอปอื่นๆ ในเครือของบริษัทเข้ามาอย่างรวดเร็วเช่นกัน หากพิจารณาจากจำนวนผู้ใช้ทั้งหมด 2,700 ล้านคน แต่ละคนจะต้องมีการใช้งานแอปของ Facebook อย่างน้อยหนึ่งอย่างในแต่ละเดือน ไม่ว่าจะเป็น Facebook, Instagram, WhatsApp หรือ FB Messenger ทำให้ Facebook เป็นเครือข่ายสังคมออนไลน์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก

2. ปัจจัยด้านอื่นที่ช่วยให้บริษัทเติบโตต่อไปได้

สิ่งที่ทำให้ Facebook ยังคงมีความน่าสนใจกับนักลงทุนก็คือความสามารถที่จะทำรายได้จากการโฆษณาให้กับผู้ใช้รวมจากทุกแพลตฟอร์มได้มากถึง 2,700 ล้านคน โดยมีฟีเจอร์หลักที่เป็นที่นิยมคือฟีเจอร์ Stories ซึ่งเป็นการแสดงภาพและวิดีโอแบบเต็มหน้าจอซึ่งผู้ใช้สามารถโพสต์ลงบน Facebook, Instagram, WhatsApp หรือ Messenger ก็ได้

การเดินเกมเข้าสู่ตลาดอีคอมเมิร์ซของ Facebook ผ่านทางแอป Instagram และ What’sApp นั้นน่าจะสามารถทำรายได้เพิ่มให้กับบริษัทได้หลายพันล้านเหรียญในเวลาเพียงไม่กี่ปี แอปแชร์รูปภาพอย่าง Instagram ซึ่งมีโฆษณาแทรกอยู่ในฟีดอยู่แล้วนั้น ก็เพิ่งจะเพิ่มเครื่องมือสำหรับการทำอีคอมเมิร์ซเข้ามาให้ ซึ่งก็น่าจะเป็นส่วนสำคัญที่จะสามารถเพิ่มมูลค่าให้กับธุรกิจนี้ได้อีกในอนาคต

ในส่วนของการแก้ปัญหาธุรกิจโฆษณาที่เริ่มจะชะลอตัวนั้น Facebook กำลังพยายามผลักดันให้เกิดธุรกิจใหม่ซึ่งรวมไปถึงบริการชำระเงินและอีคอมเมิร์ซ นายซักเคอร์เบิร์กกล่าวว่าเนื่องจากปัจจุบันผู้ใช้งาน Facebook ได้เชื่อมต่อกับเครือข่ายผู้คนและองค์กรขนาดใหญ่อยู่แล้ว ขั้นตอนต่อไปที่จะต้องทำก็คือช่วยทำให้การติดต่อเชื่อมโยงนี้เกิดมูลค่าขึ้นมาให้ได้

เมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา Facebook ประกาศว่ากำลังจะขยายธุรกิจ Watch ซึ่งเป็นบริการสตรีมมิงวิดีโอตามสั่ง และกำลังรวบรวมทีมผู้ผลิตจากทั่วโลกมาเตรียมคอนเทนต์ให้กับแพลตฟอร์มใหม่อย่าง Watch อยู่ นักวิเคราะห์จากธนาคาร Deutsche Bank เชื่อว่าธุรกิจ Watch นี้จะสร้างรายได้ประมาณ 5 พันล้านเหรียญภายในปี 2021

ธุรกิจนี้เป็นส่วนหนึ่งในการสร้างความเติบโตทางธุรกิจของ Facebook ซึ่งยังไม่รวมถึงโครงการด้านสกุลเงินคริปโตที่เรียกว่า Libra ซึ่งกำลังได้รับกระแสต่อต้านจากทั่วโลกอย่างหนักตั้งแต่ประกาศเปิดตัวในเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา Facebook ชี้แจงว่าจุดประสงค์หลักของเงิน Libra คือการช่วยให้ผู้คนสามารถโอนเงินข้ามประเทศกันได้ในราคาที่ประหยัดกว่าวิธีทั่วไปที่ใช้กันอยู่ในปัจจุบัน นอกจากนั้นเงิน Libra จะมีประโยชน์อย่างมากกับประเทศที่เข้าถึงบริการทางธนาคารได้ลำบากหรือมีค่าเงินในประเทศที่ค่อนข้างผันผวน

บทสรุป

หลังจากที่หุ้นของ Facebook ฟื้นตัวและผ่านความผันผวนในตลาดที่มีมากขึ้นในปีนี้ได้ดีกว่าหุ้นในกลุ่มเทคโนโลยีตัวอื่นๆ แม้ว่าบริษัทจะต้องเผชิญอุปสรรคทางด้านกฎข้อบังคับหลาอย่าง แต่ Facebook ก็ยังคงความสามารถที่จะผลักดันจำนวนผู้ใช้และสร้างรายได้จากธุรกิจที่มีอยู่ให้มากขึ้นได้ จึงทำให้ Facebook เป็นหุ้นที่มีความมั่นคงและน่าสนใจสำหรับการถือในระยะยาวตัวหนึ่งเลยทีเดียว

ความคิดเห็นล่าสุด

การเปิดเผยความเสี่ยง: การซื้อขายตราสารทางการเงินและ/หรือเงินดิจิตอลจะมีความเสี่ยงสูงที่รวมถึงความเสี่ยงต่อการสูญเสียจำนวนเงินลงทุนของคุณบางส่วนหรือทั้งหมดและอาจไม่เหมาะสมกับนักลงทุนทั้งหมด ราคาของเงินดิจิตอลแปรปรวนอย่างมากและอาจได้รับผลกระทบจากปัจจัยภายนอกต่าง ๆ เช่น เหตุการณ์ทางการเงิน กฎหมายกำกับดูแล หรือ เหตุการณ์ทางการเมือง การซื้อขายด้วยมาร์จินทำให้ความเสี่ยงทางการเงินเพิ่มขึ้น
ก่อนการตัดสินใจซื้อขายตราสารทางการเงินหรือเงินดิจิตอล คุณควรตระหนักดีถึงความเสี่ยงและต้นทุนที่เกี่ยวข้องกับการซื้อขายในตลาดการเงิน ควรพิจารณาศึกษาอย่างรอบคอบในด้านวัตถุประสงค์การลงทุน ระดับประสบการณ์ และ การยอมรับความเสี่ยงและแสวงหาคำแนะนำทางวิชาชีพหากจำเป็น
Fusion Media อยากเตือนความจำคุณว่าข้อมูลที่มีในเว็บไซต์นี้ไม่ใช่แบบเรียลไทม์หรือเที่ยงตรงแม่นยำเสมอไป ข้อมูลและราคาที่แสดงไว้บนเว็บไซต์ไม่ใช่ข้อมูลที่ได้รับจากตลาดหรือตลาดหลักทรัพย์เสมอไปแต่อาจได้รับจากผู้ดูแลสภาพคล่องและดังนั้นราคาจึงอาจไม่เที่ยงตรงแม่นยำและอาจแตกต่างจากราคาจริงในตลาดซึ่งหมายความว่าราคานี้เป็นเพียงราคาชี้นำและไม่เหมาะสมสำหรับวัตถุประสงค์เพื่อการซื้อขาย Fusion Media และผู้ให้ข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้จะไม่รับผิดชอบใด ๆ สำหรับความเสียหายหรือการสูญเสียที่เป็นผลมาจากการซื้อขายของคุณหรือการพึ่งพาของคุณในข้อมูลที่มีในเว็บไซต์นี้
ห้ามใช้ จัดเก็บ ทำซ้ำ แสดงผล ดัดแปลง ส่งผ่าน หรือ แจกจ่ายข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้โดยไม่ได้รับการอนุญาตล่วงหน้าอย่างชัดแจ้งแบบเป็นลายลักษณ์อักษรจาก Fusion Media และ/หรือจากผู้ให้ข้อมูล ผู้ให้ข้อมูลขอสงวนสิทธิในทรัพย์สินทางปัญญาและ/หรือการแลกเปลี่ยนข้อมูลที่ให้ข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้
Fusion Media อาจได้รับผลตอบแทนจากผู้โฆษณาที่ปรากฎบนเว็บไซต์โดยอิงจากปฏิสัมพันธ์ของคุณที่มีกับโฆษณาหรือผู้โฆษณา
เวอร์ชั่นภาษาอังกฤษของเอกสารฉบับนี้เป็นเวอร์ชั่นหลักซึ่งจะเป็นเวอร์ชั่นที่เหนือกว่าเมื่อใดก็ตามที่มีข้อขัดแย้งไม่สอดคล้องตรงกันระหว่างเอกสารเวอร์ชั่นภาษาอังกฤษกับเอกสารเวอร์ชั่นภาษาไทย