โดย Kathy Lien กรรมการผู้จัดการด้านกลยุทธ์ฟอเร็กซ์จาก BK Asset Management
ภาพรวมตลาดฟอเร็กซ์ประจำวันที่ 21 สิงหาคม 2019
อีกเพียง 48 ชั่วโมงจะเป็นเวลาสำคัญที่สุดช่วงหนึ่งของ EUR/USD เนื่องจากสกุลเงินคู่นี้มีการซื้อขายกันในกรอบราคาแคบๆ เพียง 60 pip มาเป็นเวลาเกือบทั้งสัปดาห์แล้ว การที่เยอรมนีพูดถึงโอกาสที่จะเกิดการชะลอตัวทางเศรษฐกิจในช่วงไตรมาสที่สามและรัฐบาลอิตาลีก็ยังระส่ำระสายอยู่นั้นทำให้สกุลเงินยูโรจึงยังหาผู้สนใจซื้อค่อนข้างยาก นอกจากนั้นสกุลเงินคู่นี้ยังทรงตัวเหนือจุดต่ำสุดในรอบ 2 ปีอยู่เล็กน้อยเพราะนักลงทุนยังคาดหวังว่าจะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยจากธนาคารกลางในช่วงเดือนหน้า
นักลงทุนยังเป็นกังวลว่าเฟดจะปรับเปลี่ยนท่าทีในการประชุมที่จะเกิดขึ้นในสัปดาห์นี้ที่เมืองแจ็คสันโฮลอีกครั้งหรือไม่ จึงเป็นสาเหตุว่าทำไมจึงไม่มีใครให้ความสนใจ รายงานการประชุมคณะกรรมกรรมกำหนดนโยบายทางการเงิน ซึ่งดูไม่ค่อยจะดูผ่อนปรนนักตามที่เผยแพร่ออกมาในวันนี้ รายงานการประชุมทำให้ ดอลลาร์ ฟื้นตัวขึ้นได้เพียงช่วงสั้นๆ จากนั้นก็ปรับลดลงอย่างรวดเร็ว ในช่วงที่ธนาคารกลางมีการประชุมกันครั้งที่แล้ว ได้มีการตัดสินใจปรับลดดอกเบี้ยลง 25 จุดเบสิสซึ่งคณะกรรมการของเฟดส่วนใหญ่มองว่าการปรับลดดังกล่าวเป็นการ “ปรับในรอบระยะกลาง” และไม่ใช่จุดเริ่มต้นของรอบการใช้นโยบายผ่อนคลายที่มากขึ้นแต่อย่างใด กรรมการบางคนยังแสดงความกังวลว่าตลาดอาจจะมองการปรับลดครั้งนี้ว่าเป็นสัญญาณสภาพเศรษฐกิจที่ไม่ดีได้เช่นกัน จากข้อมูลทั้งหมดที่กล่าวมาทำให้เราทราบว่าการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในเดือนกรกฎาคมนั้น ธนาคารกลางไม่ได้มีเจตนาที่จะเตรียมปรับลดลงอีกแต่อย่างใด หากยังจำกันได้ในช่วงที่ นายพาวเวลล์ ประธานเฟดออกมาแถลงข่าวในคราวที่แล้ว เขาได้กล่าวถึงความยืดหยุ่นของสภาพเศรษฐกิจและความแข็งแกร่งของตลาดแรงงานไว้ด้วย
อย่างไรก็ตาม นับแต่นั้นก็มีความเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นกับทั้งสหรัฐฯ ยูโรโซนและจีนค่อนข้างมาก ทั้งจากเรื่องที่ประธานาธิบดีทรัมป์ได้ประกาศเรียกเก็บภาษีกับจีนและจากนั้นก็มีการชะลอเวลาออกไป รวมถึงการที่เคยออกมาเปิดช่องว่าอาจจะมีการปรับลดภาษีเงินได้ลงและจากนั้นเช้านี้ก็เลิกไปเสียดื้อๆ นอกจากนี้ยังมีเรื่องที่เยอรมนีเปิดเผยว่าพร้อมที่จะเพิ่มการใช้จ่ายหากเศรษฐกิจเริ่มชะลอตัว ทั้งหมดนี้ทำให้ตลาดที่เคยเชื่อมั่น 60% ว่าเฟดจะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอีกครั้งจำนวน 25 จุดเบสิสในปีนี้กลายเป็นเชื่อมั่น 100% ว่าจะมีการปรับลดถึงสองครั้งภายในเดือนธันวาคมที่จะถึงนี้ จนถึงขณะนี้เฟดยังไม่ได้ออกมาแสดงท่าทีหรือยืนยันในเรื่องดังกล่าวแต่อย่างใด จึงทำให้การแถลงการณ์จากนายพาวเวลล์ที่จะเกิดขึ้นที่เมืองแจ็คสันโฮลในวันศุกร์นี้มีความสำคัญเป็นอย่างมาก ทั่วโลกต่างเฝ้ารอการประชุมใหญ่ในครั้งนี้อย่างใจจดใจจ่อและนายพาวเวลล์ก็อาจถือโอกาสนี้เพื่อแสดงท่าทีในการปรับลดอัตราดอกเบี้ยอีกครั้งตามที่ตลาดคาดหวังไว้ก็เป็นได้ หากเป็นเช่นนั้นจริง EUR/USD อาจปรับไปที่ 1.12 ได้ แต่หากไม่มีการออกมาตกปากรับคำในเรื่องนี้ ประกอบกับตัวเลขดัชนี PMI ของยูโรโซนออกมาไม่ดีนัก EUR/USD ก็อาจลงไปทะลุระดับ 1.10 ได้
ด่านทดสอบด่านแรกของยูโรคือตัวเลขดัชนี PMI ที่จะประกาศออกมาในวันพฤหัสบดีนี้ ข้อมูลตัวเลขทางเศรษฐกิจของยูโรโซนนั้นค่อนข้างย่ำแย่มาตลอดช่วงไตรมาสที่สอง ดัชนีความเชื่อมั่นของนักลงทุน (ซึ่งสำรวจโดยสถาบัน ZEW ของเยอรมนี) ปรับตัวลงต่ำสุดนับตั้งแต่ปี 2010 เป็นต้นมา การผลิตภาคอุตสาหกรรมก็ปรับตัวลดลงอย่างมากตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2018 จึงมีโอกาสสูงที่ตัวเลขดัชนี PMI ของยูโรโซนจะออกมาไม่สู้ดีนัก อีกทั้งยังจะเป็นเหตุผลที่มีน้ำหนักให้ธนาคารกลางยุโรปต้องปรับลดอัตราดอกเบี้ยและผลักให้เงินยูโรลดต่ำลงไปอีก
ในขณะเดียวกัน USD/CAD ในวันนี้กลับปรับตัวลดลงหลังจากที่ข้อมูลอัตราเงินเฟ้อออกมาสูงเกินคาด ดัชนีราคาผู้บริโภค ปรับขึ้นได้ 0.5% ในช่วงเดือนกรกฎาคม ทำให้อัตราประจำปีเทียบกับปีก่อนหน้าคงที่อยุ่ที่ระดับ 2% ต่างกับประเทศอื่นๆ อย่างเช่นเยอรมนีซึงอัตราเงินเฟ้อยังอยู่ต่ำกว่าเป้า แคนาดาสามารถรักษานโยบายนี้ไว้ให้คงที่ได้เนื่องจากแรงกดดันด้านราคาเริ่มลดลงอย่างเห็นได้ชัด แต่อัตราเงินเฟ้อก็ไม่ใช่ปัจจัยเพียงอย่างเดียวที่จะใช้เป็นเหตุผลให้ต้องนำมาตรการผ่อนคลายทางการเงินมาใช้ ตลาดแรงงานที่ชะลอตัวและรายงานยอดขายปลีกที่จะประกาศออกมาในวันศุกร์นี้จะเป็นข้อมูลที่บอกถึงผลกระทบต่อการใช้จ่าย (ในกรณีที่มี) ว่าจะหนักหนาสาหัสเพียงใด แต่หากตัวเลขยอดขายปลีกยังคงที่ก็จะเป็นสัญญาณที่แสดงว่าเศรษฐกิจของแคนาดายังน่าจะพอมีความหวังต่อไปได้ แต่หากตัวเลขออกมาไม่ดีติดต่อกันเป็นเดือนที่สอง นักลงทุนก็น่าจะเริ่มคาดหวังให้มี การปรับลดอัตราดอกเบี้ย ในแคนาดาด้วยเช่นกัน