ตลาดหุ้นสหรัฐฯ กำลังเผชิญกับสภาวะความผันผวนอย่างหนักในขณะนี้ หลังจากที่เมื่อสัปดาห์ก่อนก็มีเหตุการณ์ที่ค่อนข้างมีความผันผวนรุนแรงเกิดขึ้น ดังนั้นการคาดการณ์ล่วงหน้าในขณะนี้จึงเป็นสิ่งที่ทำได้ยากมาก
ตลาดหุ้นกลับมาฟื้นตัวได้เล็กน้อยในช่วงวันทำการซื้อขายสองวันสุดท้ายของสัปดาห์เนื่องจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ประกาศชะลอการเรียกเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากจีนออกไปก่อน ทรัมป์ยังได้กล่าวเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมาด้วยว่าการเจรจาทางการค้ากับจีนจะยังดำเนินต่อไปและคาดว่าจะได้พูดคุยกับประธานาธิบดีสี จิ้นผิงในเร็วๆ นี้
แต่สัญญาณเชิงบวกดังกล่าวก็ไม่สามารถช่วยลบล้างความเสียหายในช่วงที่มีการเทขายอย่างหนักในตลาดพันธบัตรได้ ดัชนี S&P 500 ปิดตลาดประจำสัปดาห์ได้ต่ำลง 1% ในขณะที่ดัชนี ดาว ปิดลดลง 1.5% ท่ามกลางสถานการณ์ที่ทุกคนต่างหลีกเลี่ยงความเสี่ยงเช่นนี้ สัปดาห์นี้จะมีการประกาศผลประกอบการของธุรกิจรายใหญ่ที่น่าสนใจในหลายกลุ่มอุตสาหกรรมออกมา ซึ่งเราก็ได้คัดหุ้นที่น่าสนใจจำนวน 3 ตัวมาฝากดังต่อไปนี้
1. Target
ห้างสรรพสินค้าอย่างบริษัท Target Corporation (NYSE:TGT) จะรายงานผลประกอบการประจำไตรมาสที่ 2 ออกมาในช่วงก่อนเปิดตลาดวันพุธที่ 21 สิงหาคมนี้ ด้วยอัตรา การใช้จ่ายของผู้บริโภค ที่ยังแข็งแกร่ง ทำให้มีการคาดการณ์ไว้ว่าหุ้นตัวนี้จะมีกำไรสุทธิอยู่ที่ $1.62 ต่อหุ้น ซึ่งมากขึ้นกว่าไตรมาสเดียวกันของปีที่แล้วที่เคยทำได้ที่ $1.47 ยอดขายในไตรมาสนี้ของบริษัทก็ได้รับการคาดการณ์จากนักวิเคราะห์ไว้ว่าจะเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 4% เป็น 18,300 ล้านเหรียญ เมื่อพิจารณาจากผลประกอบการของคู่แข่งในอุตสาหกรรมเดียวกันซึ่งรวมถึง Walmart (NYSE:WMT) ด้วยแล้ว หุ้นของ Target ก็ไม่น่าจะทำให้นักลงทุนผิดหวัง
ราคาหุ้น TGT รายสัปดาห์
ในไตรมาสที่ 1 บริษัท Target มี รายงาน ยอดขายของแต่ละสาขาเติบโตขึ้นสูงถึง 4.8% ซึ่งสูงกว่าที่นักวิเคราะห์ได้คาดการณ์เอาไว้ จากการพูดคุยทางโทรศัพท์กับนักวิเคราะห์หลายรายในเดือนพฤษภาคม นางเคธี สมิธ ผู้อำนวยการแผนกการเงินได้ปรับตัวเลขที่คาดการณ์ลงโดยกล่าวว่า รายได้เป้าหมายที่วางไว้สำหรับไตรมาสที่ 2 “น่าจะชะลอลง” กว่าช่วงไตรมาสที่ผ่านมาเนื่องจากรายได้จากของร้าน Toys “R” Us เริ่มลดลง หุ้นของบริษัท Target ปิดตลาดเมื่อวันศุกร์โดยมีการซื้อขายกันที่ $84.20 ซึ่งถือว่าทำผลงานได้ดีกว่าคู่แข่งรายอื่นๆ ในปีนี้ โดยราคาปรับตัวขึ้นมาในปี 2019 ถึง 30%
2. Salesforce.com
Salesforce.com (NYSE:CRM) บริษัทผู้จำหน่ายซอฟต์แวร์และบริการในระบบคลาวด์สำหรับธุรกิจองค์กรต่างๆ จะรายงานผลประกอบการประจำไตรมาสที่สองออกมาในช่วงหลังปิดตลาดของวันพฤหัสบดีที่ 22 สิงหาคมนี้ นักวิเคราะห์คาดการณ์กันไว้ว่า โดยเฉลี่ยแล้วบริษัทจะทำกำไรได้ $0.47 ต่อหุ้น โดยน่าจะมียอดขายเพิ่มขึ้น 20% ไปอยู่ที่ระดับ 3,950 ล้านเหรียญโดยได้รับแรงหนุนจากการใช้จ่ายทางด้านเทคโนโลยีที่สูงมากขึ้นจากทั่วโลก
แม้ว่าบริษัทจะสามารถสร้าง ตัวเลขผลประกอบการที่น่าประทับใจ มาได้หลายไตรมาสแล้วก็ตาม แต่หุ้นของบริษัทก็เริ่มจะได้รับแรงกดดันมากขึ้นนับตั้งแต่องค์กรจัดการความสัมพันธ์ระหว่างลูกค้าที่ซานฟรานซิสโกประกาศออกมาเมื่อเดือนมิถุนายนว่าบริษัทได้เข้าซื้อบริษัทพัฒนาซอฟต์แวร์ที่ชื่อว่า Tableau Software (NYSE:DATA) เป็นมูลค่าถึง 15,300 ล้านเหรียญ
ราคาหุ้น CRM รายสัปดาห์ในช่วง 12 เดือนล่าสุด
ข้อตกลงดังกล่าวนับเป็นธุรกรรมครั้งใหญ่ที่สุดที่ Salesforce เคยทำมา โดยมีจุดประสงค์ที่จะขยายธุรกิจให้ไปสู่ตลาดธุรกิจอัจฉริยะในอนาคต บริษัทเปิดเผยว่าการเข้าซื้อ Tableau จะช่วยให้ยอดขายในปีนี้สูงขึ้นและจะช่วยให้บริษัทมีความสามารถในการแข่งขันเทียบเท่ากับบริษัทยักษ์ใหญ่อย่าง Microsoft (NASDAQ:MSFT) และ Oracle (NYSE:ORCL) ได้ ซึ่งทั้งสองบริษัทนี้ก็ให้บริการเครื่องมือในระบบธุรกิจอัจฉริยะด้วยเช่นกัน
หุ้นของ Salesforce ค่อนข้างเคลื่อนไหวช้ากว่าหุ้นในตลาดตัวอื่นๆ และในช่วงสามเดือนที่ผ่านมาปรับลดลงไป 9% จนไปปิดตลาดเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาอยู่ที่ระดับ $143.95
3. Home Depot
บริษัทผู้ทำธุรกิจด้านอุปกรณ์สร้างและการตกแต่งบ้านอย่าง Home Depot (NYSE:HD) จะรายงานผลประกอบการประจำไตรมาสที่สองออกมาในช่วงก่อนเปิดตลาดวันที่ 20 สิงหาคมนี้ นักวิเคราะห์คาดกว่าบริษัทจะมีกำไรอยู่ที่ $3.09 ต่อหุ้น และมียอดขายที่ 31,060 ล้านเหรียญ
ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมานี้ บริษัทผู้จำหน่ายอุปกรณ์เกี่ยวกับบ้านรายใหญ่ที่สุดของโลกรายนี้ได้ใช้กลยุทธ์ที่หลากหลายในการผลักดันให้ธุรกิจเติบโตและสร้างยอดขายจากการใช้จ่ายของผู้บริโภคให้มากขึ้น แต่ในช่วง ไตรมาสแรก Home Depot ก็ทำให้นักลงทุนผิดหวังเพราะทำไม่สำเร็จเนื่องจากสามารถทำยอดขายเพิ่มขึ้นได้เพียง 2.5% จากที่คาดการณ์ไว้ที่ 4.3%
ราคาหุ้น HD รายสัปดาห์ในช่วง 12 เดือนล่าสุด
ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมาหุ้นของบริษัทปรับตัวได้สูงอย่างไม่น่าเชื่อกว่า 143% จนเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา หุ้นของ Home Depot ก็ไปปิดตลาดที่ระดับ $203.64 แต่ในช่วงเดือนที่แล้วก็มีการปรับตัวลงบ้างเนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับสภาพเศรษฐกิจและความตึงเครียดทางด้านปัญหากับจีน
หากอัตราดอกเบี้ยสินเชื่อของสหรัฐฯ ที่ลดลงจะสามารถเร่งยอดขายและเพิ่มการใช้จ่ายในการดูแลซ่อมบำรุงบ้านเรือนของประชาชนได้มากขึ้น หุ้นของ Home Depot ก็ยังน่าจะยังมีทิศทางที่ดีขึ้นได้ต่อไป