โดย Darrell Delamaide
ตัวชี้วัดทางด้านอัตราเงินเฟ้อของสหรัฐฯ 2 ค่าซึ่งประกาศออกมาเมื่อสัปดาห์ที่แล้วและมีค่าสูงกว่าที่คาดไว้นั้นไม่ได้ส่งผลใดๆ กับนักลงทุนในตลาดและยังไม่เป็นอุปสรรคต่อการปรับลด อัตราดอกเบี้ย ของธนาคารกลางสหรัฐฯ ที่มีการคาดการณ์ไว้ล่วงหน้าไว้ว่าจะปรับลดลง 0.25 จุดในเดือนนี้ได้เลย
นักลงทุนยังคงมีความหวังกับการปรับลดอัตราดอกเบี้ัยของเฟดมากกว่า ดังนั้นดัชนีตลาดหุ้นสหรัฐฯ ทั้งดัชนี ดาวโจนส์, S&P 500 และ NASDAQ คอมโพสิต ยังปิดตลาดทำสถิติสูงขึ้นได้ในวันศุกร์ที่ผ่านมา
อัตราเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้น
ดัชนีราคาผู้บริโภคซึ่งไม่นับรวมราคาอาหารและพลังงานที่ประกาศออกมาเมื่อวันพฤหัสบดีแสดงให้เห็นว่าราคามีการปรับขึ้นมากที่สุดในเดือนมิถุนายนนับตั้งแต่ช่วงหนึ่งปีครึ่งที่ผ่านมา ซึ่งเรียกว่าอัตราเงินเฟ้อพื้นฐาน เทียบกับเดือนก่อน มีค่าเพิ่มขึ้น 0.3% และ เทียบกับปีก่อน เพิ่มขึ้น 2.1% โดยมีค่ามัธยฐานที่คาดการณ์ไว้อยู่ที่ 0.2% และ 2.0% ตามลำดับ
ซึ่งก็ถือว่าไม่ใช่เรื่องใหญ่นักสำหรับนักลงทุนที่หันไปให้ความสนใจกับเรื่องการที่รัฐตัดสินใจยกเลิกแผนการควบคุมการคืนเงินค่ายาซึ่งอาจทำให้เกิดผลกระทบรุนแรงกับอุตสาหกรรมยาได้ หุ้นของ United American Healthcare Corp (OTC:UAHC) จึงปรับตัวขึ้นกว่า 7% และทำให้ดัชนี อุตสาหกรรมดาวโจนส์ ขึ้นไปทำสถิติสูงสุดที่ระดับ 27,000 ได้เป็นครั้งแรก
ดัชนีราคาผู้บริโภคในเดือนมิถุนายน เที่ยบกับเดือนก่อนหน้า โดยรวมปรับขึ้นเพียง 0.1% และ เทียบกับปีก่อนหน้า ปรับขึ้น 1.6% เทียบกับเดือนพฤษภาคมซึ่งมีค่าอยู่ที่ 0.1% และ 1.8% ตามลำดับ
ตัวชี้วัดราคาขายส่ง หรือ ดัชนีราคาผู้ผลิตเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาก็ประกาศออกมาสูงกว่าที่คาดการณ์ไว้เล็กน้อย โดยดัชนีราคาผู้ผลิต เทียบกับเดือนก่อนหน้า ปรับตัวขึ้น 0.1% และ เทียบกับปีก่อนหน้า ปรับขึ้น 1.7% เมื่อเทียบกับตัวเลขที่คาดการณ์ไว้ที่ 0.1% และ 1.6% ตามลำดับ อย่างไรก็ตามถือว่าเป็นตัวเลขการปรับขึ้นระหว่างปีที่น้อยมากในช่วงเวลา 2 ปีครึ่ง
ดัชนีนี้ปรับตัวขึ้นได้ 0.1% ในเดือนพฤษภาคม แต่ปรับขึ้นมาในปีนั้นนับถึงเดือนพฤษภาคมได้ 1.8% แสดงว่าราคาที่ปรับขึ้นยังเกิดการชะลอตัวไม่เท่ากับที่นักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์เอาไว้
ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ที่คาดการณ์
ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) พื้นฐานที่ไม่รวมราคาอาหารและพลังงาน รวมทั้งบริการ ไม่มีการเปลี่ยนแปลงในเดือนมิถุนายน หลังจากที่ก่อนหน้านั้นสองเดือนมีการปรับเพิ่มขึ้น 0.4% และเมื่อเทียบกับปีที่แล้วมีการปรับขึ้น 2.1% ลดลงจากเดือนพฤษภาคมซึ่งมีค่าอยู่ที่ 2.3%
ในทางทฤษฎี ดัชนีราคาผู้ผลิตเป็นการพยากรณ์ดัชนีราคาผู้บริโภคตัวหนึ่งในรูปของราคาขายส่งที่จะมีผลไปถึงราคาผู้บริโภค แม้จะเป็นตัวชี้วัดคร่าวๆ แต่หากตัวเลขดังกล่าวยังไม่เปลี่ยนแปลง ดัชนีราคาผู้บริโภคก็อาจจะชะลอตัวลงในเดือนถัดไปอีกได้
ความสนใจของเฟด
ในความเป็นจริง คณะกรรมการนโยบายการเงินของเฟดไม่ได้ให้ความสำคัญกับตัวชี้วัดด้านอัตราเงินเฟ้อเท่าใดนัก เนื่องจากเห็นว่าดัชนีการใช้จ่ายสำหรับการอุปโภคบริโภคส่วนบุคคล (PCE) จะเป็นไปตามราคาที่ต้องมีการซื้อขายกันอยู่แล้ว
ดัชนี PCE ซึ่งจะประกาศออกมาในช่วงปลายเดือนนี้ที่มักจะมีค่าต่ำกว่าดัชนี CPI และ PPI เคยปรับตัวขึ้นในเดือนพฤษภาคม 0.2% และปรับเพิ่มขึ้นในปีนี้จนถึงเดือนพฤษภาคมได้ 1.5% ในขณะที่ ดัชนี PCE พื้นฐาน ในเดือนพฤษภาคมปรับขึ้นได้ 0.2% และปรับเพิ่มขึ้นในปีนี้จนถึงเดือนพฤษภาคม 1.6%
อย่างไรก็ตาม นักลงทุนไม่ได้รู้สึกผิดหวังในเรื่องนี้แต่อย่างใด เพราะถือเป็นเพียงข้อมูลประกอบเท่านั้น แต่สิ่งสำคัญน่าจะอยู่ที่การปรับลดอัตราดอกเบี้ยมากกว่า
ยังไม่แน่นอนว่าจะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยถึง 0.5 จุด
อัตราเงินเฟ้อที่สูงขึ้นอาจจะทำให้การคาดการณ์จากนักวิเคราะห์ที่เชื่อว่าจะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงถึง 0.5 จุดนั้นเป็นไปได้ยากขึ้น แต่ก็มีการคาดการณ์กันต่อไปอีกว่าเฟดอาจจะมีการปรับลดในเดือนกันยายนอีกครั้งก็เป็นได้
ถึงแม้ว่าดัชนี PCE จะปรับตัวขึ้นมาได้ใกล้เคียงกับเป้าหมายที่เฟดกำหนดไว้ที่ 2% ในอีกไม่กี่เดือนนี้ เฟดก็ไม่จำเป็นต้องปรับลดดอกเบี้ยในขณะนี้แต่อย่างใด เนื่องจากเฟดเคยชี้แจงไว้ก่อนหน้านี้ระยะหนึ่งแล้วว่าเป้าหมายควรจะเป็นตัวเลขที่มีความ “สมมาตร” กล่าวคือ ตัวเลขดังกล่าวอาจจะสูงเกิน 2% ไปได้หลายเดือน เพื่อชดเชยกับช่วงเวลาที่เคยอยู่ต่ำกว่า 2% หลายเดือนก่อนหน้านี้เช่นกัน
ผลตอบแทนพันธบัตรที่ไม่สอดคล้องกับระยะเวลาถือครองคือปัจจัยสำคัญ
การประชุมคณะกรรมการกำหนดนโยบายทางการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ ซึ่งจะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 30-31 กรกฎาคมนี้นั้นอาจจะให้ความสำคัญกับเรื่องดอกเบี้ยพันธบัตรระยะสั้นที่มีค่าสูงกว่าพันธบัตรระยะยาวมากกว่าเรื่องของอัตราเงินเฟ้อ อัตราดอกเบี้ยพันธบัตรรุ่นอายุ 3 เดือน ยังคงอยู่ที่ระดับสูงกว่าพันธบัตรรุ่นอายุ 10 ปี มาเป็นเวลากว่า 30 วันแล้ว ซึ่งเป็นสัญญาณว่าจะเกิดการชะลอตัวของเศรษฐกิจในช่วง 12 เดือนข้างหน้านี้
ในระหว่างการแถลงต่อหน้าที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงินทั้งสองวันเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาของ นายเจอโรม พาวเวลล์ ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ ได้มีการยืนยันอย่างหนักแน่นว่าเฟดพร้อมที่จะดำเนินการเพื่อผลักดันให้เศรษฐกิจเติบโตอย่างยั่งยืน เพื่อทำให้ดอกเบี้ยพันธบัตรระยะสั้นกลับมาอยู่ที่ระดับต่ำกว่าพันธบัตรระยะยาวอีกครั้ง โดยวิธีการที่ดีที่สุดก็คือการปรับลดอัตราดอกเบี้ยอ้างอิงลง