SET: คาด SET Index เปิดตลาดสัปดาห์นี้ได้รับแรงกดดันจาก 3 ปัจจัย ได้แก่
1) พัฒนาการเชิงลบของสถานการณ์ Covid-19 ในประเทศ หลังเริ่ม มีการระบาดของเชื้อสายพันธุ์ใหม่เช่น อินเดีย และ แอฟริกา ซึ่งมีความ รุนแรงกว่าเดิม
2) พ.ร.ก.เงินกู้ 7 แสนล้านที่อาจเผชิญอุปสรรคหลัง นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล อดีตรมว.คลัง เตรียมยื่นศาร้องขอให้ศาล ปกครองสูงสุดวินิจฉัย และ
3) ปรากฏการณ์ Capitulation ในตลาด Cryptocurrency ซึ่งล่าสุดยังไม่มีทิศทางที่ดีขึ้น จนอาจนํามาสู่กระบวนการ เร่งขายสินทรัพย์ในตราสารทุนอื่นๆ
Strategy: มอง 2 ปัจจัยแรก (Covid-19 และ พ.ร.ก.เงินกู้) มีแนวโน้ม ส่งผลเชิงลบต่อหุ้นในกลุ่ม Domestic และกลุ่ม Reopening ต่อไป ซึ่งน่าจะได้เห็นการกระจุกตัวของการ Outperform ของกลุ่ม Global play ต่อไปเช่นกัน แนะนํานักลงทุนถือครองหุ้น Top pick ของเราในกลุ่มนี้ ต่อไปเช่นเดิมซึ่งได้แก่ IVL, PTTGC, SCC, IRPC, AH, SAT, KCE, SMT, STA, STGT, ASIAN. NRF, XO, III, JWD, LEO, SONIC, WICE
Export data: หุ้นในกลุ่มส่งออกและกลุ่มที่เกี่ยวข้องอย่าง Logistics ยังคงเป็น Top pick ของเราในช่วงนี้ โดยในสัปดาห์นี้วันที่ 25 พ.ค. จะมี การรายงานตัวเลขการส่งออกประจําเดือนเม.ย.ออกมา ซึ่งล่าสุดตลาด คาดการณ์ว่าจะเติบโตได้ในระดับสูงถึง 10.4% ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากฐาน ต่าในปีก่อน ทั้งนี้ รายละเอียดที่ออกมาน่าจะพอเป็นแนวทางในเบื้องต้น ให้กับผลการดําเนินงานไตรมาส 2 ของหุ้นในกลมได้บาง ว่าจะ โมเมนตัมต่อเนื่องมาจากไตรมาส 1 หรือไม่ ซึ่งในส่วนมุมมองของเรา ยังคงเชื่อว่าจะเป็นเช่นนั้น เนื่องจากเห็นค่าสั่งซื้อและ Stock สินค้าที่ ถูกอันมาจากไตรมาส 1 ที่มีปัญหา Container shortage
Export-oriented: ทั้งนี้ หากวัดผลตอบแทนหุ้นในกลุ่มส่งออกนับตั้งแต่ ที่เราแนะนําาตั้งแต่ต้นเดือนที่ผ่านมา จะพบว่าให้ผลตอบแทนเฉลี่ยของ พอร์ตอยู่ที่ 7.7% สูงกว่า SET Total return index ที่ให้ผลตอบแทนอยู่ที่ -1.6% อย่างมีนัยสาคัญ ด้วยเหตุนี้ สําหรับผู้ที่ต้องการเข้าสะสมใหม่ ในช่วงนี้ อาจลองเริ่ม Selective ไปยังหุ้นที่ยังปรับตัว Laggard กลุ่มอยู่ ซึ่งหากเรียงตาม Performance ตั้งแต่ต้นเดือน จะพบว่าได้แก่ ASIAN, SMT,STA, AH, STGT, SAI, KCE, NRF,XO (รูปที่ 1) โดยในกลุ่มนี้ มีหุ้นที่เราแนะน่า “ซื้อ” ในเชิงพื้นฐาน ได้แก่ STA, AH, TGT, KCE ที่ราคาเป้าหมาย 53, 29, 54, 70 บาทตามลําดับ
Logistics: นอกจากนั้น แนะนําจับตามูลค่าการส่งออกโดยรวมที่จะ ประกาศออกมาในครั้งนี้ด้วยเช่นกัน โดยหากมีมูลค่าเกินกว่า 2 หมื่นล้าน เหรียญฯขึ้นไป จะเป็นการสะท้อนถึงความต้องการสินค้าของไทยที่ แข็งแกร่งต่อเนื่อง หากเกิดขึ้น มองเป็นปัจจัยบวกต่อคนกลางที่ให้บริการ ขนส่งสินค้าในกลุ่ม Logistics ต่อไป โดยหากวัด Performance หุ้น Top pick 5 ตัวของเราตั้งแต่ต้นเดือนที่ผ่านมา จะมีค่าเฉลี่ยของ Total return อยู่ที่ 9.4%% ซึ่งหากเรียงตามลําดับความ Laggard มากที่สุดจะได้แก่ SONIC, III, JWD, WICE, LEO (รูปที่ 2) โดยในกลุ่มนี้ มีหุ้นที่เรา แนะน่า “ซื้อ” ในเชิงพื้นฐาน ได้แก่ LEO ที่ราคาเป้าหมาย 11 บาท
บทวิเคราะห์นี้จัดทำขึ้นและเผยแพร่โดยทีมนักวิเคราะห์ของ Trinity Securities