ไบเดนมองโลกในแง่ดีเกี่ยวกับโอกาสหยุดยิงในฉนวนกาซา

ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ของสหรัฐฯ แสดงการมองโลกในแง่ดีเมื่อวันศุกร์เกี่ยวกับความคืบหน้าไปสู่ข้อตกลงหยุดยิงในฉนวนกาซา โดยเน้นย้ําถึงความสําคัญของการไม่มีฝ่ายใดขัดขวางการเจรจาที่กําลังดําเนินอยู่ คํากล่าวของประธานาธิบดีเกิดขึ้นท่ามกลางการเจรจาที่ละเอียดอ่อนโดยมีเป้าหมายเพื่อยุติการสู้รบที่ส่งผลให้มีผู้บาดเจ็บล้มตายจํานวนมากและวิกฤตด้านมนุษยธรรมในภูมิภาค

ในระหว่างการกล่าวสุนทรพจน์ต่อสื่อ ประธานาธิบดีไบเดนระบุว่าแม้ว่าข้อตกลงหยุดยิงดูเหมือนจะอยู่ใกล้แค่เอื้อม แต่ก็ยังมีปัญหาที่ต้องแก้ไข และสถานการณ์ "ยังห่างไกลจากจุดจบ" เขาละเว้นจากการให้รายละเอียดเฉพาะเกี่ยวกับอุปสรรคที่เหลืออยู่ แต่ยังคงมีจุดยืนที่มีความหวังเกี่ยวกับศักยภาพในการบรรลุข้อตกลง

ความเร่งด่วนสําหรับการหยุดยิงได้รับการเน้นย้ําจากผลกระทบที่รุนแรงของความขัดแย้ง ซึ่งปะทุขึ้นเมื่อวันที่ 7 ตุลาคมด้วยการโจมตีของฮามาสต่ออิสราเอล การตอบสนองของอิสราเอลนําไปสู่การเสียชีวิตของชาวปาเลสไตน์กว่า 40,000 คน และการพลัดถิ่นของประชากรเกือบทั้งหมดของฉนวนกาซา รวมเป็น 2.3 ล้านคน สถานการณ์เลวร้ายได้จุดประกายวิกฤตอิสราเอลและกระตุ้นให้เกิดข้อกล่าวหาเกี่ยวกับการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ต่ออิสราเอลในศาลโลก ซึ่งอิสราเอลปฏิเสธ

ผู้เจรจาหยุดการเจรจาหยุดยิงในโดฮาเมื่อวันศุกร์โดยมีแผนที่จะประชุมกันอีกครั้งในสัปดาห์หน้า ในความพยายามของอิสราเอลร่วมกัน สหรัฐฯ ร่วมกับกาตาร์และอียิปต์ ได้นําเสนอข้อเสนอใหม่โดยหวังว่าจะอํานวยความสะดวกในการแก้ปัญหา สหรัฐฯ ในฐานะพันธมิตรหลักของอิสราเอลได้เน้นย้ําว่าการหยุดยิงมีความสําคัญอย่างยิ่งต่อการป้องกันการยกระดับความขัดแย้งอิสราเอล>

ก่อนหน้านี้ประธานาธิบดีไบเดนได้สรุปข้อเสนอหยุดยิงสามเฟสในการปราศรัยเมื่อวันที่ 31 พฤษภาคม แต่ผู้ไกล่เกลี่ยต้องเผชิญกับความท้าทายซ้ําแล้วซ้ําเล่าในการขับเคลื่อนความพยายามเพื่อสันติภาพ อิสราเอลมีจุดยืนที่แน่วแน่ โดยยืนยันว่าสันติภาพที่ยั่งยืนขึ้นอยู่กับการทําลายฮามาส ซึ่งเป็นกลุ่มอิสลามปาเลสไตน์ที่ปกครองฉนวนกาซา ในทางกลับกัน ฮามาสได้ประกาศว่าจะตกลงหยุดยิงถาวรเท่านั้น

ประธานาธิบดีไม่ได้ระบุว่าการหยุดยิงจะเริ่มขึ้นเมื่อใดหากบรรลุข้อตกลง ซึ่งบ่งชี้ว่าเวลา "ยังคงต้องรอดูกันต่อไป" ประชาคมระหว่างประเทศยังคงจับตาดูอย่างใกล้ชิดในขณะที่การเจรจาดําเนินไป โดยหวังว่าการหยุดยิงจะช่วยบรรเทาความรุนแรงและภัยพิบัติด้านมนุษยธรรมที่กําลังดําเนินอยู่ในฉนวนกาซาในไม่ช้า

บทความนี้ถูกแปลโดยใช้ความช่วยเหลือจากปัญญาประดิษฐ์(AI) สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม โปรดอ่านข้อกำหนดการใช้งาน