InfoQuest - SET ปิดวันนี้ที่ 1,419.44 จุด เพิ่มขึ้น 3.66 จุด (+0.26%) มูลค่าซื้อขาย 37,420.63 ล้านบาท นักวิเคราะห์ฯ ระบุตลาดหุ้นไทยวันนี้ย่อตัวแล้วดีดขึ้น ช่วงแรกปรับลงจากแรงกดดัน GDP ไตรมาส 3/66 ต่ำกว่าคาด แต่สภาพัฒน์มองว่าปี 67 จะโตได้ 3.2% ยังไม่รวมมาตรการภาครัฐ ขณะที่สัญญาณเงินบาทมีแนวโน้มดีขึ้น รวมทั้งเห็นภาพ ตลท.-ก.ล.ต.เริ่มเข้ามาดูแลประเด็นที่นักลงทุนกังวลช่วยฟื้นความเชื่อมั่นจากรายย่อยได้บ้าง แนวโน้มวันพรุ่งนี้คาดดัชนีแกว่งขึ้นต่อ แนะติดตามมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม อาทิ Thailand ESG Fund อาจช่วย Sentiment ลงทุนช่วงโค้งสุดท้ายดีขึ้น ให้กรอบแนวรับ 1,408 จุด และแนวต้าน 1,430 จุด
SET ปิดวันนี้ที่ 1,419.44 จุด เพิ่มขึ้น 3.66 จุด (+0.26%) มูลค่าการซื้อขาย 37,420.63 ล้านบาท
การซื้อขายหุ้นวันนี้ ดัชนีย่อตัวช่วงแรกก่อนดีดขึ้น โดยดัชนีทำจุดต่ำสุด 1,409.55 จุด ทำจุดสูงสุดที่ 1,419.86 จุด
ส่วนหลักทรัพย์เปลี่ยนแปลงวันนี้เพิ่มขึ้น 269 หลักทรัพย์ ลดลง 205 หลักทรัพย์ และไม่เปลี่ยนแปลง 162 หลักทรัพย์
นายวิจิตร อารยะพิศิษฐ นักกลยุทธ์การลงทุน บล.ลิเบอเรเตอร์ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวันนี้อยู่ในภาพย่อตัวแล้วดีดขึ้น เป็นภาพของการรีบาวด์ โดยช่วงแรกปรับลงจากแรงกดดดันตัวเลข GDP ไตรมาส 3/66 อยู่ที่ 1.5% ต่ำกว่าตลาดคาดว่าจะขยายตัว 2.2% แต่สภาพัฒน์มอง GDP ปีนี้ขยายตัวราว 2.5% ก่อนจะเร่งตัวเป็น 3.2% ในปี 67 ยังไม่ได้รวมนโยบายดิจิทัลวอลเล็ต เนื่องจากต้องรอการตีความจากคณะกรรมการกฤษฎีกา แต่ก็สะท้อนภาพเบื้องต้นว่าปี 67 เศรษฐกิจในประเทศยังขยายตัวได้ อย่างไรก็ตาม ประเด็นดังกล่าวไม่ได้กระทบกับ Sentiment การลงทุนมาก
และสัญญาณค่าเงินบาทมีแนวโน้มที่ดีขึ้น ตลาดหุ้นเริ่มกล้าสู้มากขึ้นกับ Valuation ระดับนี้ รวมทั้งช่วงหลังหน่วยงานภาครัฐ ทั้งตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) และสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เริ่มเข้ามาดูแลประเด็นที่นักลงทุนมีความกังวลทั้งเรื่อง Short Sell และ Naked Short Sell มากขึ้น ทำให้ความเชื่อมั่นใจการลงทุนของนักลงทุนรายย่อยกลับมาได้บ้าง
แนวโน้มในวันพรุ่งนี้คาดดัชนีแกว่งขึ้นต่อ อยู่ในภาพของการย้ำฐานและยืนเหนือโซน 1,400 จุดได้ โดยนักลงทุนรอติดตามมาตรการเพิ่มเติมจากภาครัฐ อาทิ Thailand ESG Fund ซึ่งอาจจะเป็นหนึ่งในตัวกระตุ้น Sentiment การลงทุนในช่วงโค้งสุดท้ายของปี
ปัจจัยต่างประเทศติดตามตัวเลขเศรษฐกิจที่เกี่ยวข้องกับนโยบายการเงินของสหรัฐเป็นหลัก โดยคือวันที่ 21 พ.ย. จะมีการเปิดเผยรายงานการประชุมเฟดครั้งที่แล้ว (FED Minute) และกลางสัปดาห์รายงานตัวเลขภาคแรงงานของสหรัฐ ส่วนปลายสัปดาห์ติดตามการรายงานตัวเลข PMI ภาคการผลิตและบริการของสหรัฐและยุโรป
ให้กรอบแนวรับที่ 1,408 จุด และแนวต้าน 1,430 จุด
ส่วนหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์
PTT (BK:PTT) มูลค่าการซื้อขาย 1,737.94 ล้านบาท ปิดที่ 34.50 บาท เพิ่มขึ้น 0.25 บาท
CPALL (BK:CPALL) มูลค่าการซื้อขาย 1,340.85 ล้านบาท ปิดที่ 56.00 บาท ลดลง 0.75 บาท
PTTEP มูลค่าการซื้อขาย 1,142.05 ล้านบาท ปิดที่ 160.00 บาท เพิ่มขึ้น 1.50 บาท
TOP มูลค่าการซื้อขาย 1,046.33 ล้านบาท ปิดที่ 51.25 บาท เพิ่มขึ้น 1.25 บาท
BH มูลค่าการซื้อขาย 964.28 ล้านบาท ปิดที่ 225.00 บาท เพิ่มขึ้น 6.00 บาท