โดย วณิชชา สุมานัส
Investing.com - บรรยากาศการซื้อขายเช้านี้ ตลาดหุ้นไทย (SET) ปิดตลาดภาคเช้า ดัชนี อยู่ที่ระดับ 1,610.74 จุด เพิ่มขึ้น 8.83 จุด หรือเพิ่มขึ้น 0.55% มีมูลค่าซื้อขายรวมทั้งสิ้น 50,919 ล้านบาท
นายณัฐพล คำถาเครือ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล. หยวนต้า (ประเทศไทย) ชี้ว่า ทิศทางตลาดหุ้นโลกชะลอความร้อนแรงลงหรือพักตัวในช่วงปลายสัปดาห์ เพราะนักลงทุนลดน้ำหนักการถือครองหุ้นเพื่อรอฟังความเห็นของประธาน Fed ในการประชุมที่ Jackson Hole เวลา 21.00 น. คืนนี้ ตามเวลาประเทศไทย ประเด็นสำคัญที่ตลาดจับจ้อง คือ การส่งสัญญาณเรื่องการลดวงเงินซื้อสินทรัพย์หรือ QE Tapering
ประธาน Fed สองสาขา คือ Kansas City และ Dallas แสดงความเห็นเมื่อวานนี้ ว่า การทำ Tapering กำลังจะเกิดขึ้นเร็ว ๆ นี้ อย่างไรก็ดี ประธาน Fed ทั้งสองสาขานี้ ไม่ได้เป็นสมาชิกผู้มีสิทธิโหวตสำหรับปีนี้
4 หุ้นเด่น ที่โบรกเนอนะนำในวันนี้ ได้แก่
BPP มีมุมมองบวกต่อแนวโน้มผลประกอบการในไตรมาส 2 ปีงบ 2564 จากการรับรู้รายได้โรงไฟฟ้าซานซีลู กวงในในไตรมาส 3 ปีงบ 2564 และเต็มไตรมาสในไตรมาส 4 ปีงบ 2564 และการรับรู้รายได้โรงไฟฟ้า Temple 1 ในไตรมาส 4 ปีงบ 2564 ดังนั้น ผลประกอบการปี 2565 จะได้ประโยชน์เต็มปีจากการรับรู้รายได้โครงการโรงไฟฟ้าทั้ง 2 โรงอย่างเต็มปี
BJC เป็นหุ้นกลุ่มค้าปลีกได้อานิสงส์ หากการพิจารณาของ ศบค. ชุดใหญ่ในวันนี้ อนุมัติให้ศูนย์การค้าและห้างสรรพสินค้ากลับมาเปิดทำการได้แบบมีเงื่อนไข และให้นั่งทานอาหารในร้านได้แบบมีเงื่อนไข คาดจะส่งให้รายได้ฟื้นตัวในไตรมาส 4 ปีงบ 2564 แนวโน้มกำไรในช่วงครึ่งปีหลัง 2564 คาดเห็นการฟื้นตัวของธุรกิจขวดแก้วบรรจุอาหารและเครื่องดื่ม หลังสหรัฐฯ และยุโรปกลับมาเปิดเมือง และผลบวกจากยอดขาย Antigen Test Kit ที่เข้ามาเสริม
ADVANC มีมุมมองบวกระยะกลางถึงยาวต่อการเติบโตของบริษัท หลัง GULF ขึ้นเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ใน INTUCH ส่งผลให้ทิศทางกลยุทธ์ของบริษัทคาดว่าจะเน้นเชิงรุกมากขึ้น รวมทั้งการ Unlock Asset Value เพื่อส่งผ่านมูลค่าให้กับผู้ถือหุ้น
CPALL โดยภาพทางเทคนิค แนวต้าน 62.00 บาท แนวรับ 60.75 บาท และ Stop loss หากต่ำกว่า 60.00 บาท คาดว่าการฟื้นตัวของผลประกอบการใน 4Q64 จากการทยอยคลายมาตรการล็อกดาวน์ ขณะที่ปี 2565 คาดผลประกอบการจะกลับมาเติบโตหลังสถานการณ์โควิด-19 ผ่านพ้นไป