Investing.com - ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ทรุดตัวลงเมื่อคืนนี้ หลังเกิดสัญญาณทางเศรษฐกิจที่สำคัญอันบ่งบอกว่าการชะลอตัวทางเศรษฐกิจที่กำลังเกิดขึ้นในขณะนี้อาจนำพาไปสู่ภาวะเศรษฐกิจถดถอย รวมถึงข้อมูลทางเศรษฐกิจล่าสุดของเยอรมนีและจีนต่างก็ตอกย้ำสัญญาณการชะลอตัวทางเศรษฐกิจของโลกอีกด้วย
เมื่อเวลาตลาดปิด ดัชนี ดิ่งลงถึง 2.93% ส่วนดัชนี และ ต่างก็ทรุดตัวลงมากกว่า 3% เล็กน้อย โดยดัชนี Dow ได้สูญเสียไปกว่า 800 จุด ซึ่งถือเป็นขาลงรายวันครั้งใหญ่ที่สุดในปีนี้และย่ำแย่ที่สุดนับตั้งแต่วันที่ 18 เดือนตุลาคมปี 2018 ที่ดัชนีเคยดิ่งลงไปเกือบ 832 จุด
ปัจจัยหลักที่ส่งผลต่อแรงกระตุ้นการซื้อขายเมื่อวานนี้เกิดขึ้นในระหว่างวัน ผลตอบแทนตั๋วเงินคลังสหรัฐฯ แบบอายุสิบปีได้ขยับลงต่ำกว่าผลตอบแทนตั๋วเงินคลังสหรัฐฯ แบบอายุสองปีเป็นครั้งแรกตั้งแต่ปี 2007 เป็นต้นมา และเมื่อกราฟผลตอบแทนกลับกันเพราะผลตอบแทนพันธบัตรระยะสั้นกลับสูงกว่าระยะยาว ก็ถือเป็นปัจจัยที่บ่งชี้พฤติกรรมของผู้ลงทุนที่เริ่มเปลี่ยนจากการลงทุนกับหุ้น ไปลงทุนกับพันธบัตรสหรัฐฯ ที่มีความปลอดภัยกว่า ผนวกกับความกังวลของผู้ลงทุนต่อการลงทุนในระยะสั้น จึงทำให้ผู้ลงทุนหันไปลงทุนระยะยาวแทน
ผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลแบบอายุสิบปีปิดที่ 1.595% ขณะที่พันธบัตรรัฐบาลแบบอายุสองปีปิดที่ 1.589%
การทรุดตัวลงของตลาดหุ้นสหรัฐฯ ได้ทำให้ดัชนี Dow ร่วงลงจากระดับสูงสุดครั้งใหม่ที่เคยทำได้ในเดือนกรกฎาคมถึง 7% ส่วนดัชนี S&P ก็ปรับตัวลงจากระดับสูงสุดในเดือนกรกฎาคม 6.2% และดัชนี Nasdaq ก็ทรุดลงมา 6.8%
ความตึงเครียดในตลาดหุ้นสหรัฐฯ เกิดขึ้นท่ามกลางสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีนที่ยังดำเนินอยู่อย่างต่อเนื่อง รัฐบาลของทรัมป์ได้เรียกเก็บภาษีศุลกากรสินค้าจีนหลากหลายประเภท โดยจะมีการเรียกเก็บภาษีเพิ่มเติมอีกครั้งตั้งแต่วันที่ 1 กันยายน และยังมีรอบถัดไปในวันที่ 15 ธันวาคมอีกด้วย ซึ่งจะประกอบไปด้วยสินค้าประเภทโทรศัพท์มือถือ สินค้าอิเล็กทรอนิกส์ และสินค้าเพื่อการบริโภคต่าง ๆ ทั้งนี้การเรียกเก็บภาษีศุลกากรสินค้าจีนได้ส่งผลต่อตัวเลขการส่งออกของจีนอย่างมาก และบีบบังคับให้หลายบริษัทจำเป็นต้องย้ายฐานการผลิตออกไปจากประเทศจีน
ทางฝั่งจีนเองก็ได้ตอบโต้เอาคืนสหรัฐฯ ด้วยการเรียกเก็บภาษีศุลกากรเช่นเดียวกัน และเพิกเฉยต่อการซื้อผลิตภัณฑ์หลายประการจากสหรัฐฯ โดยเฉพาะถั่วเหลือง