Investing.com - เมื่อคืนนี้ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ทรุดหนักที่สุดรายวันนับตั้งแต่เดือนธันวาคมปีที่แล้ว หลังจากสถานการณ์ของสงครามทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีนย่ำแย่ลงไปอีก
การเทขายครั้งใหญ่ที่เกิดขึ้น ทำให้ดัชนี สูญเสียเกือบ 1,000 จุดระหว่างวัน แต่ในช่วงเวลาก่อนปิดตลาดดัชนีก็สามารถพลิกฟื้นกลับขึ้นมาได้เล็กน้อย
ดัชนี ปิดลบ 2.9% และดัชนี ดิ่งลงเกือบถึง 3.0% ส่วนดัชนี ก็ทรุดลงราว 3.5% ถือเป็นเปอร์เซ็นต์ติดลบครั้งใหญ่ที่สุดสำหรับดัชนีหลักต่าง ๆ ในปีนี้
ดัชนีทั้งสามติดลบรวมกันถึง 6% จากที่เคยทำสถิติใหม่เมื่อสามสัปดาห์ก่อน ถึงกระนั้นเมื่อพิจารณาภาพรวมแล้ว ในปี 2019 นี้ดัชนี Dow ปรับขึ้นมาแล้ว 10.3% และ S&P 500 ก็ขึ้นมา 13.5% อีกทั้ง Nasdaq ก็ขยับขึ้น 16.4%
ตลาดต้องประสบกับความตึงเครียดอีกครั้งหลังจากคณะรัฐบาลของทรัมป์ออกมาประกาศในช่วงครึ่งหลังของเมื่อวานนี้ว่า จีนจงใจปั่นสกุลเงิน โดยการกระทำเช่นนี้มีจุดประสงค์เพื่อดึงกองทุนเงินตราระหว่างประเทศ (IMF) เข้ามาเกี่ยวข้องในความขัดแย้งครั้งนี้ สัญญาซื้อขายล่วงหน้าของดัชนี ติดลบมากกว่า 350 จุดเมื่อเวลา 18:30 น. ตามเวลามาตรฐานตะวันออก ส่วน ปรับลง 33 จุด
ความไม่ลงรอยกันเมื่อวานนี้เริ่มต้นขึ้นหลังจากที่จีนจงใจปล่อยค่าเงินหยวนให้อ่อนค่าลง อันเป็นการตอบโต้เอาคืนสหรัฐฯ ต่อการขึ้นภาษีศุลกากรสินค้านำเข้าจีนอย่างชัดเจน การลดมูลค่าสกุลเงินได้ทำให้คู่ พุ่งขึ้นเหนือ 7 หยวนต่อหนึ่งดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งเมื่อเป็นเช่นนี้จะทำให้สินค้าสหรัฐฯ ในประเทศจีนมีราคาแพงขึ้น และสินค้าจีนในประเทศสหรัฐฯ มีราคาถูกลง
นอกจากนี้ คณะรัฐบาลของนายสี จิ้นผิง ยังเติมเชื้อไฟเข้าไปอีกด้วยการสั่งให้บริษัทภายในประเทศจีนยกเลิกการนำเข้าผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรของสหรัฐฯ ทั้งหมด จากเดิมที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ นายโดนัลด์ ทรัมป์ เคยตำหนิจีนเมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่าไม่ยอมทำตามคำสัญญาว่าจะสั่งซื้อผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรจากสหรัฐฯ มากขึ้นโดยเฉพาะถั่วเหลือง