โดย Christiana Sciaudone
Investing.com - ตลาดปรับตัวอิงตามสถานการณ์การเลือกตั้งสหรัฐที่ผลลัพธ์ใกล้เข้ามาทุกทีว่าใครจะได้เป็นผู้นำประเทศไปอีก 4 ปีข้างหน้า
ค่าเฉลี่ยดาวโจนส์ เพิ่มขึ้น 1.95% หรือ 542 จุด ส่วน S&P 500 เพิ่มขึ้น 1.96% ในขณะที่ NASDAQ Composite เพิ่มขึ้น 2.59%
การชิงชัยกันระหว่างอดีตรองประธานาธิบดีโจ ไบเดนและประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์เฉือดเฉือนกันมากขึ้นทุกทีจากผลโหวตที่เพิ่มเข้ามาในส่วนของรัฐเนวาดา ทำให้พรรคเดโมแครตยืนเหนือคู่แข่งพรรคริพับลิกัน ขณะเดียวกันทีมกฏหมายของทรัมป์ไล่ฟ้องร้องรัฐต่าง ๆ อย่างจอร์เจียและเพนซิลเวเนีย เนื่องจากมีการนับคะแนนทางไปรษณีย์อย่างต่อเนื่องในขณะที่ทรัมป์กำลังทำคะแนนนำ รัฐต่าง ๆ ได้เตือนแล้วว่าผลการเลือกตั้งอาจไม่ทราบผลลัพธ์เป็นเวลาอีกหลายวันประหนึ่งตัวตุ่นที่หลบอยู่ในรู
นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ว่า คณะกรรมการตลาดเสรีกลาง(Federal Open Market Committee) จะกำหนดอัตราระยะสั้นไว้ที่ 0.25%
การแถลงข่าวต่อหน้าสื่อมวลชนของธนาคารกลางสหรัฐ(FOMC) แถลงว่า “การจ้างงานฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง แต่ยังคงต่ำกว่าเมื่อช่วงต้นปี ความต้องการซื้อต่ำลงและราคาน้ำมันที่ลดลงรั้งอัตราเงินเฟ้อของผู้บริโภคไว้
เจ้าหน้าที่จากธนาคารกลางสหรัฐฯได้พูดต่อหน้าสาธารณะชนในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมาเกี่ยวกับความจำเป็นในการกระตุ้นเศรษฐกิจเพื่อสนับสนุกการฟื้นตัว แม้ว่าสภาคองเกรสจะไม่สามารถบรรลุข้อตกลงเกี่ยวกับแผนการให้ความช่วยเหลือแก่ครัวเรือนและภาคธุรกิจได้
ในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้านี้เจ้าหน้าที่จากธนาคารกลางจะเพิ่มการถือคลองหลักทรัพย์และการค้ำประกันอย่างน้อยที่สุดให้ได้ในอัตราที่ทำให้ตลาดดำเนินไปอย่างราบรื่นเพื่อช่วยส่งเสริมสภาพคล่องทางการเงินและช่วยหมุนเวียนเครดิตกลับไปสู่ภาคครัวเรือนและธุรกิจ
หุ้นที่ราคาสูงขึ้นเป็นวันที่สี่ประกอบไปด้วยหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีชั้นนำอย่าง Qualcomm (NASDAQ: QCOM) และ Qorvo (NASDAQ:QRVO) ดีดตัวขึ้นสูงหลังมีรายงานความต้องการเทคโนโลยี 5G เพิ่มขึ้น
เจนเนอรัลมอเตอร์ส (NYSE:GM) ราคาสูงขึ้นเนื่องจากประธานเจ้าหน้าที่บริหารแมรี่ บาร์รา กล่าวว่าผู้ผลิตรถยนต์จะเพิ่มการใช้จ่ายเงินทุนเพื่อเร่งการพัฒนารถยนต์ไฟฟ้า ส่วน Hanesbrands (NYSE:HBI) ร่วงลงหลังออกมาพร้อมกับข่าวที่ไม่ค่อยน่าตื่นเต้นเท่าไหร่ว่าค่าใช้จ่ายจะเพิ่มขึ้น
ค่าเงินดอลลาร์ลดลงอย่างต่อเนื่องจากราคาทองคำที่พุ่งขึ้นไปมากกว่า 1,950 ดอลลาร์ ในส่วนของสัญญาซื้อขายล่วงหน้าน้ำมันดิบ ยังคงลดลงตามสัญญาณว่าผู้ผลิตรายใหญ่ยังคงขายตัดราคาจากราคากลางและยังคงล่าส่วนแบ่งการตลาด