InfoQuest - ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงในวันอังคาร (17 ธ.ค.) ขณะที่นักลงทุนซื้อขายอย่างระมัดระวังก่อนที่จะรู้ผลการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ในวันนี้ หลังจากมีข้อมูลบ่งชี้ว่าการใช้จ่ายของผู้บริโภคยังคงแข็งแกร่ง
ทั้งนี้ ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 43,449.90 จุด ลดลง 267.58 จุด หรือ -0.61%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 6,050.61 จุด ลดลง 23.47 จุด หรือ -0.39% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 20,109.06 จุด ลดลง 64.83 จุด หรือ -0.32%
ดัชนีดาวโจนส์ปิดในแดนลบติดต่อกัน 9 วันทำการ ซึ่งเป็นสถิติการปิดลบที่ยาวนานที่สุดนับตั้งแต่เดือนก.พ. 2521 โดยเดวิด รัสเซลล์ หัวหน้านักกลยุทธ์การตลาดจากบริษัท TradeStation แสดงความเห็นว่า สาเหตุส่วนหนึ่งมาจากการที่นักลงทุนหมุนเวียนการลงทุนเข้าสู่หุ้นกลุ่มเทคโนโลยี จากก่อนหน้านี้ที่เคยลงทุนในหุ้นกลุ่มที่ได้ประโยชน์จากชัยชนะของโดนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งรวมถึงหุ้นกลุ่มการเงินและกลุ่มอุตสาหกรรม โดยนักลงทุนมองว่าหุ้นเหล่านี้อาจเผชิญกับความไม่แน่นอนของสงครามการค้า
เจสัน แวร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านการลงทุนจากบริษัท Albion Financial Group กล่าวว่า บรรยากาศการซื้อขายเป็นไปอย่างระมัดระวังก่อนที่ตลาดจะรู้ผลประชุมเฟด โดยแม้มีการคาดการณ์ว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% ในการประชุมครั้งนี้ แต่นักลงทุนมีความกังวลเกี่ยวกับความไม่แน่นอนที่ว่าถ้อยแถลงของเจอโรม พาวเวล ประธานเฟดจะเป็นไปในทิศทางใด และการคาดการณ์เศรษฐกิจของคณะกรรมการเฟดจะออกมาอย่างไร
กระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ เปิดเผยว่า ยอดค้าปลีกเพิ่มขึ้น 0.7% ในเดือนพ.ย. เมื่อเทียบรายเดือน สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 0.6% หลังจากที่ปรับตัวขึ้น 0.5% ในเดือนต.ค. ส่วนเมื่อเทียบรายปี ยอดค้าปลีกเดือนพ.ย.พุ่งขึ้น 3.8% หลังจากที่เพิ่มขึ้น 2.9% ในเดือนต.ค.
ข้อมูลดังกล่าวแสดงให้เห็นว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ ยังคงแข็งแกร่ง และส่งผลให้นักลงทุนระมัดระวังการซื้อขายก่อนการประชุมเฟด โดยนักลงทุนมองว่าเฟดอาจชะลอการผ่อนคลายนโยบายการเงิน ท่ามกลางสัญญาณบ่งชี้ถึงความแข็งแกร่งของเศรษฐกิจสหรัฐฯ อีกทั้งกังวลว่ามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของทรัมป์อาจจะส่งผลให้เงินเฟ้อปรับตัวสูงขึ้นด้วย
ดัชนี CBOE Volatility Index (VIX) ซึ่งเป็นมาตรวัดความวิตกกังวลของนักลงทุนในตลาดหุ้นนิวยอร์ก พุ่งขึ้นแตะระดับ 15.87 จุด ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 21 พ.ย.ปีนี้
หุ้น 10 ใน 11 กลุ่มที่คำนวณในดัชนี S&P500 ปิดในแดนลบ นำโดยหุ้นกลุ่มอุตสาหกรรมและกลุ่มพลังงานปรับตัวลง 0.9% และ 0.76% ตามลำดับ ส่วนหุ้นกลุ่มสินค้าฟุ่มเฟือยดีดตัวขึ้น 0.28%
หุ้นอินวิเดีย (Nvidia) ร่วงลงอย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุดปิดตลาดดิ่งลง 1.22% ส่งผลให้หุ้นอินวิเดียเข้าสู่เขตปรับฐาน (Correction Territory) แล้วในขณะนี้ โดยนักวิเคราะห์มองว่าผลประกอบการที่ต่ำกว่าคาดอาจเป็นสาเหตุที่ทำให้หุ้นของบริษัทถูกเทขาย หลังจากที่ก่อนหน้านี้ อินวิเดียซึ่งเป็นผู้ผลิตหน่วยประมวลผลกราฟิกที่รองรับโมเดลภาษาขนาดใหญ่ (LLM) ได้ประโยชน์จากความต้องการของศูนย์ข้อมูล (Data Center) ที่เพิ่มขึ้นนับตั้งแต่แชตจีพีที (ChatGPT) เปิดตัวในช่วงปลายปี 2565
หุ้นเทสลา (Tesla (NASDAQ:TSLA)) พุ่งขึ้น 3.6% ปิดที่ระดับ 479.86 ดอลลาร์ หลังจากนักวิเคราะห์ของบริษัท Mizuho ปรับเพิ่มเป้าหมายราคาหุ้นของเทสลาขึ้นสู่ระดับ 515 ดอลลาร์