InfoQuest - ดัชนีดาวโจนส์ดีดตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดพุ่งขึ้นกว่า 300 จุด ทะลุแนว 44,000 จุด หลังการเปิดเผยดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) รวมภาคการผลิตและภาคบริการที่แข็งแกร่งของสหรัฐ
ณ เวลา 22.01 น.ตามเวลาไทย ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์อยู่ที่ 44,172.55 จุด บวก 302.20 จุด หรือ 0.69%
ดัชนีดาวโจนส์พุ่งขึ้นกว่า 400 จุดวานนี้ หลังการเปิดเผยยอดขายบ้านมือสองที่สูงกว่าคาด และตัวเลขผู้ขอสวัสดิการว่างงานที่ต่ำกว่าคาด ซึ่งบ่งชี้ถึงเศรษฐกิจสหรัฐที่แข็งแกร่ง และทำให้นักลงทุนคลายความกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจถดถอย
เอสแอนด์พี โกลบอลเปิดเผยว่า ดัชนี PMI รวมภาคการผลิตและภาคบริการเบื้องต้นของสหรัฐ ปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 55.3 ในเดือนพ.ย. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 31 เดือน จากระดับ 54.1 ในเดือนต.ค.
ดัชนี PMI ยังคงอยู่เหนือระดับ 50 ซึ่งบ่งชี้การขยายตัวของภาคธุรกิจสหรัฐ โดยได้รับแรงหนุนจากการขยายตัวของภาคบริการ ขณะที่ภาคการผลิตยังคงอยู่ในภาวะหดตัว
ทั้งนี้ คำสั่งซื้อใหม่ดีดตัวขึ้น แม้ว่าการจ้างงานชะลอตัวลง ขณะที่ภาคธุรกิจเพิ่มความเชื่อมั่นสู่ระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนพ.ค.2565 โดยได้แรงหนุนจากคาดการณ์การปรับลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด), การขยายตัวทางเศรษฐกิจ รวมทั้งคาดการณ์นโยบายของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐ ที่จะเอื้อต่อภาคธุรกิจ
ดัชนี PMI ภาคการผลิตเบื้องต้น ปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 48.8 ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 4 เดือน จากระดับ 48.5 ในเดือนต.ค. โดยดัชนี PMI ยังคงอยู่ต่ำกว่าระดับ 50 ซึ่งบ่งชี้ว่าภาคการผลิตยังคงอยู่ในภาวะหดตัว
ส่วนดัชนี PMI ภาคบริการเบื้องต้น ปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 57.0 ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 32 เดือน จากระดับ 55.0 ในเดือนต.ค. โดยดัชนี PMI ยังคงอยู่สูงกว่าระดับ 50 ซึ่งบ่งชี้ว่าภาคบริการยังคงมีการขยายตัว
นักลงทุนยังคงจับตาถ้อยแถลงของเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เพื่อหาสัญญาณบ่งชี้ทิศทางอัตราดอกเบี้ยสหรัฐ รวมทั้งสถานการณ์การสู้รบระหว่างรัสเซียและยูเครน หลังรัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีป (ICBM) โจมตียูเครน ซึ่งนับเป็นครั้งแรกที่รัสเซียใช้ขีปนาวุธพิสัยไกลที่มีอานุภาพร้ายแรงดังกล่าวในการทำสงครามกับยูเครน