InfoQuest - ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นกว่า 1% ในวันพฤหัสบดี (21 พ.ย.) โดยได้ปัจจัยบวกจากแรงซื้อหุ้นวัฏจักร (Cyclical Stocks) นอกจากนี้ บรรยากาศการซื้อขายยังได้แรงหนุนจากการที่นักลงทุนมีมุมมองบวกต่อผลประกอบการของบริษัทอินวิเดีย (Nvidia) ซึ่งเป็นผู้ผลิตชิปปัญญาประดิษฐ์ (AI) รายใหญ่ของสหรัฐฯ
ทั้งนี้ ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 43,870.35 จุด เพิ่มขึ้น 461.88 จุด หรือ +1.06%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 5,948.71 จุด เพิ่มขึ้น 31.60 จุด หรือ +0.53% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 18,972.42 จุด เพิ่มขึ้น 6.28 จุด หรือ +0.03%
มาร์ค มาเล็ค ประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านการลงทุนจากบริษัท Siebert กล่าวว่า ดัชนีดาวโจนส์ดีดตัวขึ้นหลังจากนักลงทุนรุกซื้อหุ้นวัฏจักร ซึ่งเป็นหุ้นที่คาดว่าจะได้ประโยชน์จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ ขณะเดียวกันนักลงทุนก็หมุนเวียนการลงทุนออกจากหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีเล็กน้อย
หุ้นอินวิเดียร่วงลงในระหว่างวัน ก่อนที่จะปิดตลาดดีดตัวขึ้น 0.5% เนื่องจากนักลงทุนเริ่มมีมุมมองบวกต่อผลประกอบการของบริษัท โดยแม้ว่ารายได้ในไตรมาส 3 ปีงบการเงิน 2568 ของบริษัทจะชะลอตัวลง แต่ก็ยังสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ นอกจากนี้ บริษัทยังเปิดเผยรายได้ในไตรมาส 4 ที่สูงกว่าการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์เช่นกัน
เจนเซน หวง ซีอีโอของอินวิเดียกล่าวว่า ลูกค้าหลายรายของอินวิเดีย ซึ่งรวมถึงไมโครซอฟท์ (Microsoft) ออราเคิล (Oracle) และโอเพนเอไอ (OpenAI) ได้รับการส่งมอบชิปแบล็คเวลล์ (Blackwell) ซึ่งเป็นชิป AI รุ่นใหม่แล้ว และอินวิเดียกำลังดำเนินการผลิตชิปแบล็คเวลล์อย่างเต็มศักยภาพ
แอนโทนี ซากลิมบีน หัวหน้านักกลยุทธ์การตลาดจากบริษัท Ameriprise Financial กล่าวว่า ผลประกอบการของอินวิเดียยังคงอยู่ในระดับที่ดีมาก โดยแม้ว่านักลงทุนบางกลุ่มรู้สึกผิดหวังว่าตัวเลขคาดการณ์ผลประกอบการในไตรมาส 4 น่าจะสูงกว่านี้ แต่เมื่อพิจารณาจากปัจจัยพื้นฐานด้าน AI แล้ว ธุรกิจของอินวิเดียยังคงมีแนวโน้มที่เป็นบวกในปีหน้า
หุ้น 9 ใน 11 กลุ่มที่คำนวณในดัชนี S&P500 ปิดในแดนบวก นำโดยหุ้นกลุ่มสาธารณูปโภคพุ่งขึ้น 1.75% ตามด้วยหุ้นกลุ่มการเงินพุ่งขึ้น 1.27% ขณะที่หุ้นกลุ่มบริการด้านการสื่อสารปรับตัวลงมากที่สุด โดยร่วงลง 1.73%
ส่วนดัชนีหุ้นเซมิคอนดักเตอร์ที่ตลาดหุ้นฟิลาเดลเฟีย (Philadelphia SE Semiconductor Index) พุ่งขึ้น 1.6%
หุ้นเซลส์ฟอร์ซ (Salesforce) ซึ่งเป็นบริษัทผลิตซอต์แวร์ พุ่งขึ้น 3.1% และเป็นอีกปัจจัยที่ช่วยหนุนดัชนีดาวโจนส์ หลังได้รับการปรับเพิ่มเป้าหมายราคาหุ้นจากบริษัทโบรกเกอร์ 3 แห่ง
หุ้นอัลฟาเบท (Alphabet) ร่วงลง 4.7% แตะที่ระดับต่ำสุดในรอบ 4 สัปดาห์ หลังจากกระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ ได้ยื่นคำร้องต่อผู้พิพากษาเพื่อบีบให้กูเกิล (Google (NASDAQ:GOOGL)) ซึ่งเป็นบริษัทในเครืออัลฟาเบท ต้องขายเบราว์เซอร์โครม (Chrome) ให้บริษัทคู่แข่งรายอื่น ๆ รวมถึงอาจต้องขายแอนดรอยด์ (Android) ด้วย เพื่อยุติการผูกขาดธุรกิจค้นหาออนไลน์
สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจที่มีการเปิดเผยเมื่อคืนนี้ กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรก ลดลง 6,000 ราย สู่ระดับ 213,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว และต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 220,000 ราย
สมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติของสหรัฐ (NAR) เปิดเผยว่า ยอดขายบ้านมือสองเพิ่มขึ้น 3.4% สู่ระดับ 3.96 ล้านยูนิตในเดือนต.ค. เมื่อเทียบรายเดือน และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 3.95 ล้านยูนิต โดยได้ปัจจัยบวกจากการร่วงลงของอัตราดอกเบี้ยเงินกู้จำนอง
นักลงทุนจับตาการแสดงความเห็นของบรรดาเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ในสัปดาห์นี้ ก่อนที่การประชุมนโยบายการเงินของเฟดจะมีขึ้นในช่วงกลางเดือนธ.ค.
นอกจากนี้ นักลงทุนยังติดตามสถานการณ์ตึงเครียดด้านภูมิรัฐศาสตร์ระหว่างรัสเซียและยูเครน โดยล่าสุดมีรายงานว่ารัสเซียได้ยิงขีปนาวุธข้ามทวีป (ICBM) จากแคว้นอัสตราคันทางตอนใต้ของรัสเซียเพื่อโจมตียูเครน ซึ่งนับเป็นครั้งแรกที่รัสเซียใช้ขีปนาวุธพิสัยไกลที่มีอานุภาพร้ายแรงในการทำสงครามกับยูเครน