InfoQuest - ดัชนีดาวโจนส์พลิกพุ่งขึ้นกว่า 100 จุด หลังปรับตัวแคบในช่วงแรก
ณ เวลา 22.00 น.ตามเวลาไทย ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์อยู่ที่ 43,878.43 จุด บวก 149.09 จุด หรือ 0.34%
ดัชนีดาวโจนส์ปรับตัวแคบในช่วงแรก ขณะที่ไม่มีปัจจัยใหม่หนุนตลาด หลังเสร็จสิ้นการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ และการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในสัปดาห์นี้
นายโดนัลด์ ทรัมป์ อดีตประธานาธิบดีสหรัฐ และผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐจากพรรครีพับลิกัน สามารถประสบความสำเร็จคว้าชัยชนะในการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ ขณะที่พรรครีพับลิกันมีแนวโน้มที่จะครองเสียงข้างมากทั้งในวุฒิสภาและสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐ
อย่างไรก็ดี Carson Group ระบุว่า ตลาดหุ้นวอลล์สตรีทจะปรับตัวได้ดีกว่าในกรณีที่สภาคองเกรสไม่ถูกควบคุมจากพรรคการเมืองเดียว
ทั้งนี้ ข้อมูลจากปี 1951-2023 บ่งชี้ว่า ดัชนี S&P 500 ให้ผลตอบแทนเฉลี่ยต่อปี 8% ในกรณีที่สภาคองเกรสถูกควบคุมจากพรรคการเมืองเดียว แต่จะให้ผลตอบแทน 9.9% หากพรรคเดโมแครตและรีพับลิกันแยกกันควบคุมสภาคองเกรส
นอกจากนี้ สถิติพบว่า ในกรณีที่ประธานาธิบดีสหรัฐมาจากพรรคเดโมแครต ขณะที่พรรคเดโมแครตและรีพับลิกันแยกกันควบคุมสภาคองเกรส ดัชนี S&P 500 จะให้ผลตอบแทนเฉลี่ยต่อปี 15.7% ส่วนในกรณีที่ประธานาธิบดีมาจากพรรครีพับลิกัน ดัชนี S&P 500 จะให้ผลตอบแทน 13.7%
ขณะเดียวกัน หากดัชนี S&P 500 ปิดส่งท้ายปีนี้ปรับตัวขึ้นจากปีที่แล้ว ก็จะทำให้ตลาดหุ้นวอลล์สตรีทให้ผลตอบแทนเป็นบวกเป็นปีที่ 14 ติดต่อกันภายใต้กรณีที่พรรคเดโมแครตและรีพับลิกันแยกกันควบคุมสภาคองเกรส
นักลงทุนยังคงคาดการณ์ว่า ธนาคารกลางสหรัฐจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% ในการประชุมเดือนธ.ค. หลังจากปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% วานนี้
อย่างไรก็ดี นักลงทุนคาดว่าเฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนม.ค.2568 ก่อนที่จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยอีก 0.25% ในเดือนมี.ค.2568
ล่าสุด FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนัก 71.3% ที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% สู่ระดับ 4.25-4.50% ในการประชุมเดือนธ.ค. และให้น้ำหนัก 54.0% ที่เฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 4.25-4.50% ในการประชุมเดือนม.ค.2568
นอกจากนี้ นักลงทุนให้น้ำหนัก 46.5% ที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% สู่ระดับ 4.00-4.25% ในการประชุมเดือนมี.ค.2568
ขณะเดียวกัน นักลงทุนจับตานายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟด ซึ่งมีกำหนดกล่าวสุนทรพจน์ในสัปดาห์หน้าว่าด้วยแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐ
ทั้งนี้ นายพาวเวลจะกล่าวสุนทรพจน์ดังกล่าวในงานเสวนาที่จัดขึ้นที่เมืองดัลลัส รัฐเท็กซัส ในวันพฤหัสบดีที่ 14 พ.ย. เวลา 15.00 น. ตามเวลาสหรัฐ หรือตรงกับวันศุกร์ที่ 15 พ.ย. เวลา 03.00 น.ตามเวลาไทย
ในการแถลงข่าวหลังเสร็จสิ้นการประชุมนโยบายการเงินเมื่อวานนี้ นายพาวเวลได้แสดงความพึงพอใจต่อภาวะเศรษฐกิจสหรัฐในขณะนี้ และยืนยันว่าเขาจะไม่ลาออกจากตำแหน่ง แม้ถูกกดดันจากนายโดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐ
ด้านธนาคารกลางสหรัฐ สาขาแอตแลนตา เปิดเผยว่า แบบจำลองคาดการณ์ GDPNow ล่าสุดแสดงให้เห็นว่า เศรษฐกิจสหรัฐขยายตัว 2.5% ในไตรมาส 4/2567
ทั้งนี้ เศรษฐกิจสหรัฐขยายตัว 1.4% ในไตรมาส 1, 3.0% ในไตรมาส 2 และ 2.8% ในไตรมาส 3