InfoQuest - นายวีระวัฒน์ วิโรจน์โภคา ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ที่ปรึกษาการลงทุน (บลป.) เอฟเอสเอส อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด กล่าวว่า แนวโน้มตลาดหุ้นไทยวันนี้คาดแกว่งตัวในกรอบ โดยที่ตลาดยังรอติดตามการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐในสัปดาห์นี้ ซึ่งจะมีผลต่อทิศทางการดำเนินนโยบายเศรษฐกิจของสหรัฐ และมีผลต่อทิศทางตลาดหุ้นด้วยเช่นกัน ซึ่งเป็นปัจจัยที่นักลงทุนรอติดตาม และอาจมีการชะลอการลงทุนเพื่อรอดูความชัดเจน
ขณะที่ปัจจัยในประเทศยังไม่มีปัจจัยใหม่ และยังติดตามการายงานผลการดำเนินงานของบริษัทจดทะเบียนที่ทยอยออกมา ส่วนตลาดหุนอื่นในภูมิภาคเอเชียที่เปิดมาเช้านี้เคลื่อนไหวบวกและลบสลับกัน
โดยให้แนวต้าน 1,475 จุด แนวรับ 1,450 จุด
ประเด็นพิจารณาการลงทุน
- ตลาดหุ้นนิวยอร์ก (1 พ.ย.) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 42,052.19 จุด เพิ่มขึ้น 288.73 จุด หรือ +0.69%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 5,728.80 จุด เพิ่มขึ้น 23.35 จุด หรือ +0.41% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 18,239.92 จุด เพิ่มขึ้น 144.77 จุด หรือ +0.80%
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนีฮั่งเส็งตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดที่ระดับ 20,584.45 จุด เพิ่มขึ้น 78.02 จุด หรือ +0.38% และดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตเปิดที่ระดับ 3,275.68 จุด เพิ่มขึ้น 3.67 จุด หรือ +0.11% ส่วนดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ปรับตัวขึ้น 0.14% และดัชนี S&P/ASX 200 ตลาดหุ้นออสเตรเลียบวก 0.18%
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (1 พ.ย.) ที่ 1,464.17 จุด ลดลง 1.87 จุด (-0.13%) มูลค่าซื้อขายราว 32,853.63 ล้านบาท
- นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ (1 พ.ย.) 2,484.26 ล้านบาท
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนธ.ค.เพิ่มขึ้น 23 เซนต์ หรือ 0.33% ปิดที่ 69.49 ดอลลาร์/บาร์เรล
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (1 พ.ย.) อยู่ที่ 6.35 เหรียญ/บาร์เรล
- เงินบาทเปิด 33.84/86 บาท/ดอลลาร์ แข็งค่าเล็กน้อย นลท.จับตาผลเลือกตั้งสหรัฐ-ประชุมเฟดสัปดาห์นี้
- จับตาเลือกตั้งสหรัฐ "นักวิชาการ" ห่วงนโยบาย "ทรัมป์-แฮร์ริส" เข็นภาพกีดกันทางการค้าปะทุ กดเศรษฐกิจโลกขยายตัวต่ำระยะสั้น หวั่นขย่มส่งออก-ท่องเที่ยวไทยปี 2568 ด้าน "เอกชน" หวังไทยรับอานิสงส์ทุนจีนย้ายฐาน ลุ้นขายสินค้าให้สหรัฐได้มากขึ้น
- ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) เปิดเผยความคืบหน้าการจำหน่ายหุ้นรัฐวิสาหกิจและกิจการที่กระทรวงการคลังถืออยู่ ว่า สคร.พิจารณาทยอยเปิดประมูลขายหุ้นที่กระทรวงการคลังถืออยู่ในสัดส่วนที่ต่ำกว่า 50% ออกไปภายใน 4-5 ปี โดยเบื้องต้นจะใช้วิธีการกำหนดราคาขายแบบการปรับราคาขายตามมูลค่าตลาดในขณะนั้น หรือ มาร์ก ทู มาร์เก็ต เพื่อให้เป็นที่สนใจของนักลงทุน
- 'คลัง' ชงนายกฯลุยมาตรการกระตุ้น ศก.สิ้นปี พร้อมแพคเกจของขวัญปีใหม่ เล็งเสนอ ครม.จัดซอฟต์โลน 5.5 หมื่นล้านฟื้นตลาดอสังหาฯ ลุ้นวันนี้คัด ปธ.บอร์ดแบงก์ชาติ
หุ้นเด่นวันนี้
- AP (ลิเบอเรเตอร์) แนะนำ ซื้อ ราคาเป้าหมาย 11.50 บาท คาดกำไร 3Q24 ขยายตัว q-q แต่ลดลง y-y แต่จะกลับมาฟื้นตัวทั้ง q-q และ y-y ในช่วง 4Q24 โดย Backlog ในมือยังแข็งแกร่ง ผสานโอกาสที่ภาครัฐฯจะออกมาตรการกระตุ้นภาคอสังหาริมทรัพย์เพิ่มเติมในช่วงโค้งสุดท้ายของปี ขณะที่ Valuation ยังเทรดเพียง PE 5 เท่า และปันผลสูงราว 6% ต่อปี
- STGT (กสิกรไทย) แนะนำ ซื้อ ราคาพื้นฐาน 12.00 บาท เราคงมุมมองเชิงบวกต่อ STGT ถึงแม้งบใน 3Q24 อาจจะออกมาลดลง qoq จากผลกระทบของอัตราค่าเงินบาที่แข็งกว่าคาดใน 3Q24 ที่ผ่านมาแต่ยังสามารถเติบโตได้ yoy อย่างแข็งแกร่ง ในขณะเดียวกันเรามองข้ามไปยังงบ 4Q24 ที่มีโอกาสกลับมาเติบโตได้อย่างดีจากส่วนของ ปริมาณการขายที่เพิ่มมากขึ้นจาก ความรุนแรงของนโยบายกำแพงภาษีของ US-China trade tension ที่จะมีการปรับขึ้นอัตราภาษีของถุงมือยางเพื่อการแพทย์ เป็น 50% และ 100% ในปี 2025 และ 2026 ตามลำดับ จาก 7.5% ในปัจจุบัน นอกจากนี้ จากการเยี่ยมเยียน บริษัทถุงมือรายใหญ่ในมาเลเซียที่ผ่านมาคาดกว่า ความต้องการของถุงมือยางของโลกจะปรับตัวดีขึ้นหลังจากมีการระบายสินค้าคงคลังไปค่อนข้างมากในช่วงปีที่ผ่านมา
- WHA (ฟินันเซียไซรัส) แนะนำ ซื้อ ราคาเป้าหมายปี 2025 ที่ 6.40 บาท คาดกำไรสุทธิ 3Q24 ที่ 951 ล้านบาท -26% q-q, +53% y-y ตามยอดโอนที่ดินที่คาดว่าจะมีการโอน 370 ไร่ เทียบกับ 620 ไร่ใน 2Q24 และ 289 ไร่ใน 3Q23 แนวโน้ม 4Q24 สดใส ยอดโอนที่ดินมักจะกระจุก ตัวในช่วงปลายปีและยังมีกำไรจากการขายสินทรัพย์เข้ากองทรัสต์ WHAIR เราคงคาดกำไรปี 2024 ทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 4.8 พันล้านบาท +9% y-y และมีโอกาสสูงที่ยอดขายที่ดินปี 2024 จะทะลุเป้า 2,500 ไร่ ทั้งนี้ เราคาดกำไรปี 2024-26 โตเฉลี่ย 9% CAGR และมี Catalyst จากกระแสบริษัท Tech ต่างชาติที่ทยอยเข้ามาซื้อที่ดินลงทุน Data Center