Investing.com - หุ้นฟิวเจอร์สสหรัฐเคลื่อนไหวเล็กน้อยในการซื้อขายช่วงเย็นวันอังคาร โดยนักลงทุนเริ่มหลีกเลี่ยงการซื้อขายขนาดใหญ่ ก่อนสัญญาณเพิ่มเติมเกี่ยวกับอัตราดอกเบี้ยจากธนาคารกลางสหรัฐ และข้อมูลเกี่ยวกับอัตราเงินเฟ้อ
หุ้นฟิวเจอร์สทรงตัวหลังจากการซื้อขายในวันอังคารที่ขับเคลื่อนโดยหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีบนวอลล์สตรีท แม้ว่าอุตสาหกรรมอื่น ๆ ส่วนใหญ่จะตามหลังอยู่ก็ตาม นักลงทุนยังคงวิตกกังวลเกี่ยวกับความตึงเครียดอย่างต่อเนื่องในตะวันออกกลาง ขณะเดียวกันการหวังต่อมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมในจีนก็เริ่มแผ่วลง
S&P 500 ฟิวเจอร์ส ขยับลงเล็กน้อยเป็น 5,798.25 จุด ขณะที่ Nasdaq 100 ฟิวเจอร์ส ขยับลง 0.1% เป็น 20,286.50 จุดเมื่อเวลา 08:30 น. (GMT+7) ด้าน ดาวโจนส์ฟิวเจอร์ส ทรงตัวที่ 42,378.0 จุด
จับตารายงานการประชุมของเฟดและข้อมูล CPI
ตลาดกำลังรอสัญญาณเพิ่มเติมเกี่ยวกับอัตราดอกเบี้ยของสหรัฐฯ ท่ามกลางความไม่แน่ใจเกี่ยวกับแผนของเฟดในการลดอัตราดอกเบี้ยต่อไปในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า
บันทึกการประชุม ของเฟดในเดือนกันยายนก็กำลังจะมีการเผยแพร่ในวันนี้ ขณะที่เจ้าหน้าที่เฟดหลายคนก็มีกำหนดการขึ้นกล่าวปราศรัยอีกด้วย
ข้อมูลการจ้างงานที่แข็งแกร่งเมื่อสัปดาห์ที่แล้วได้กระตุ้นความสงสัยว่าเฟดจะมีแรงจูงใจมากน้อยเพียงใดในการลดอัตราดอกเบี้ยต่อไปอีก โดยเทรดเดอร์คาดการณ์โอกาสถึง 81.1% ที่จะมีการลดอัตราดอกเบี้ยที่ 25 จุดในเดือนพฤศจิกายน และโอกาส 18.9% ที่อัตราดอกเบี้ยจะคงที่ โดยอ้างอิงข้อมูลจากเครื่องมือ Fedwatch ของ CME
เฟดลดอัตราดอกเบี้ยไปแล้ว 50 จุดในเดือนกันยายน และส่งสัญญาณว่าการลดอัตราดอกเบี้ยในอนาคตจะยังขึ้นอยู่กับอัตราเงินเฟ้อและตลาดแรงงาน
ข้อมูลเงินเฟ้อ CPI ก็กำลังจะมีการเปิดเผยในวันพฤหัสบดีนี้ ซึ่งอาจจะมีผลต่อมุมมองของเฟด
วอลล์สตรีทได้รับแรงหนุนจากหุ้นเทคโนโลยีในขณะที่ Nvidia พุ่งสูงขึ้น
ดัชนีบนวอลล์สตรีทปรับตัวขึ้นในวันอังคาร หลังได้รับแรงหนุนจากหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีโดยเฉพาะอย่างยิ่ง NVIDIA Corporation (NASDAQ:NVDA) ซึ่งพุ่งขึ้นถึง 4% แต่ราคาหุ้นก็ขยับลงเล็กน้อยในการซื้อขายหลังตลาด
S&P 500 เพิ่มขึ้น 1% เป็น 5,751.13 จุดในวันอังคาร ขณะที่ NASDAQ คอมโพสิต พุ่งขึ้น 1.4% เป็น 18,182.34 จุด และยังสามารถฟื้นตัวจากการขาดทุนในวันจันทร์ได้เกือบทั้งหมด ด้าน ดาวโจนส์ เพิ่มขึ้น 0.3% เป็น 42,080.37 จุด
อีกทั้งในสัปดาห์นี้ยังมีการเริ่มต้นของฤดูกาลรายงานผลประกอบการในไตรมาสที่สาม โดยธนาคารใหญ่ ๆ หลายแห่งมีกำหนดการณ์รายงานผลประกอบการในวันศุกร์ ซึ่งตลาดจะคอยดูว่ากำไรของบริษัทต่าง ๆ นั้นจะสามารถต้านทานแรงกดดันจากอัตราดอกเบี้ยที่สูงและเงินเฟ้อที่ยืดเยื้อได้หรือไม่