InfoQuest - ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบในวันอังคาร (1 ต.ค.) เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ตึงเครียดในตะวันออกกลาง หลังจากมีรายงานว่าอิหร่านยิงขีปนาวุธถล่มอิสราเอล
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 42,156.97 จุด ลดลง 173.18 จุด หรือ -0.41%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 5,708.75 จุด ลดลง 53.73 จุด หรือ -0.93% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 17,910.36 จุด ลดลง 278.81 จุด หรือ -1.53%
ดัชนีหลักทั้ง 3 ดัชนีปรับตัวลงหลังจากอิหร่านได้ยิงขีปนาวุธหลายสิบลูกโจมตีอิสราเอล เพื่อตอบโต้อิสราเอลที่ใช้ปฏิบัติการสังหารผู้นำกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ซึ่งเป็นพันธมิตรของอิหร่าน ขณะที่ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ผู้นำสหรัฐฯ ได้สั่งการให้กองทัพสหรัฐฯ เข้าช่วยเหลืออิสราเอลในการป้องกันประเทศ และยิงขีปนาวุธที่พุ่งเป้าโจมตีอิสราเอล
เบนจามิน เนทันยาฮู นายกรัฐมนตรีอิสราเอลยืนยันว่าจะตอบโต้อิหร่านที่ยิงขีปนาวุธโจมตีอิสราเอลในครั้งนี้ ขณะที่อิหร่านประกาศว่าอิสราเอลจะถูกถล่มอย่างย่อยยับหากกระทำการตอบโต้อิหร่าน ซึ่งสถานการณ์ดังกล่าวทำให้เกิดความกังวลว่าสงครามในตะวันออกกลางอาจลุกลามเป็นวงกว้าง
ดัชนี CBOE Volatility Index (VIX) ซึ่งเป็นมาตรวัดความวิตกของนักลงทุนในตลาดหุ้นสหรัฐฯ พุ่งขึ้นกว่า 15% ปิดที่ระดับ 19.26 จุด หลังจากทะยานขึ้นเหนือระดับ 20 จุดในระหว่างวัน ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่านักลงทุนมีความวิตกกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ในตะวันออกกลาง
ปีเตอร์ ทุซ ประธานบริษัท Chase Investment Counsel ในรัฐเวอร์จิเนียกล่าวว่า นักลงทุนหลีกเลี่ยงการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงหลังมีข่าวอิหร่านยิงขีปนาวุธโจมตีอิสราเอล หากสถานการณ์ในตะวันออกกลางทวีความรุนแรงมากขึ้น ก็คาดว่าจะส่งผลให้ตลาดหุ้นอ่อนแอลงอีก และอาจทำให้นักลงทุนตื่นตระหนกจนถอนตัวออกจากตลาด โดยทิศทางของตลาดจะขึ้นอยู่กับสถานการณ์ที่จะเกิดขึ้นในช่วงสองสัปดาห์ข้างหน้านี้
หุ้นกลุ่มสายการบินร่วงลง โดยหุ้น Delta Air Lines ร่วงลง 1.6% หุ้น American Airlines ดิ่งลง 3.02% หุ้น United Airlines ร่วงลง 1.6%
อย่างไรก็ดี สถานการณ์ตึงเครียดในตะวันออกกลางเป็นปัจจัยหนุนหุ้นบริษัทผลิตอาวุธ โดยหุ้น Northrop Grumman พุ่งขึ้น 3% หุ้น Lockheed Martin ทะยานขึ้น 3.6% หุ้น General Dynamics ดีดขึ้น 1.04%
ส่วนหุ้นกลุ่มพลังงานปรับตัวขึ้นหลังจากราคาน้ำมัน WTI พุ่งขึ้นกว่า 2% หลังมีข่าวอิหร่านยิงขีปนาวุธโจมตีอิสราเอล โดยหุ้น Exxon Mobil พุ่งขึ้น 2.3% หุ้น Chevron พุ่งขึ้น 1.7% หุ้น ConocoPhillips ทะยานขึ้น 3.9% หุ้น Occidental Petroleum พุ่งขึ้น 3.3%
นักลงทุนระมัดระวังการซื้อขายก่อนที่สหรัฐฯ จะเปิดเผยข้อมูลแรงงานในสัปดาห์นี้ โดยในวันนี้จะมีการเปิดเผยตัวเลขจ้างงานภาคเอกชนจาก ADP ส่วนในวันพฤหัสบดีจะเปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงาน และในวันศุกร์จะเปิดเผยตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตร
นอกจากนี้ ยักลงทุนยังจับตาเหตุการณ์ประท้วงผละงานที่ท่าเรือในเขตอีสต์โคสต์และกัลฟ์โคสต์ของสหรัฐฯ ซึ่งทำให้การขนส่งทางทะเลราวครึ่งหนึ่งของสหรัฐฯ ต้องหยุดชะงัก โดยแม้ว่าการประท้วงที่เริ่มขึ้นเมื่อวานนี้อาจจะไม่ก่อให้เกิดปัญหาด้านอุปทานทั่วโลกที่รุนแรงเท่ากับในช่วงที่โรคโควิด-19 แพร่ระบาด แต่ก็ทำให้เศรษฐกิจเผชิญกับความไม่แน่นอนมากขึ้นในช่วงเวลาที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) กำลังประเมินสถานการณ์เศรษฐกิจภายในประเทศ
สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ เมื่อคืนนี้ สำนักงานสถิติของกระทรวงแรงงานสหรัฐฯ เปิดเผยผลสำรวจการเปิดรับสมัครงานและอัตราการหมุนเวียนของแรงงาน (JOLTS) พบว่า ตัวเลขการเปิดรับสมัครงานซึ่งเป็นมาตรวัดอุปสงค์ในตลาดแรงงาน เพิ่มขึ้น 329,000 ตำแหน่ง สู่ระดับ 8.04 ล้านตำแหน่งในเดือนส.ค. จากระดับ 7.71 ล้านตำแหน่งในเดือนก.ค. และสูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 7.66 ล้านตำแหน่ง
เอสแอนด์พี โกลบอลเปิดเผยว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตของสหรัฐฯ ปรับตัวลงสู่ระดับ 47.3 ในเดือนก.ย. จากระดับ 47.9 ในเดือนส.ค. โดยดัชนีอยู่ต่ำกว่าระดับ 50 บ่งชี้ว่าภาคการผลิตอยู่ในภาวะหดตัว และเป็นการหดตัวติดต่อกันเดือนที่ 3