🏃 คว้าข้อเสนอ Black Friday ก่อนใคร รับส่วนลดสูงสุด 55% สำหรับ InvestingPro ตอนนี้!รับส่วนลด

(เพิ่มเติม) ภาวะตลาดหุ้นไทย: แนวโน้มดัชนีเช้าแกว่งกรอบแคบเข้าช่วงรอลุ้นงบ Q3/67 กลุ่มแบงก์

เผยแพร่ 27/09/2567 16:35
© Reuters.  (เพิ่มเติม) ภาวะตลาดหุ้นไทย: แนวโน้มดัชนีเช้าแกว่งกรอบแคบเข้าช่วงรอลุ้นงบ Q3/67 กลุ่มแบงก์
SETI
-

InfoQuest - นายศราวุธ เตโชชวลิต ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.อาร์เอชบี (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาด แกว่งตัวในกรอบแคบๆ หลังรับรู้ปัจจัยบวกไปพอสมควรแล้ว และนักลงทุนรอดู การเปิดเผยผลประกอบการไตรมาส 3/67 ของหุ้นกลุ่มธนาคารพาณิชย์ที่จะทยอยออกมาในเดือนต.ค.นี้

ขณะที่ตลาดอื่นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้บวกได้เล็กน้อย ตอบรับกระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ เปิดเผยการประมาณการครั้งที่ 3 ของตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ประจำไตรมาส 2/67 ขยายตัว 3.0% ซึ่งสอดคล้องกับการประมาณการครั้งที่ 2 สะท้อนเศรษฐกิจสหรัฐยังคงขยายตัวดี ประกอบกับ ตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรก ลดลง 4,000 ราย สู่ระดับ 218,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 4 เดือน และต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 224,000 ราย

อย่างไรก็ตาม ยังคงติดตามการเปิดเผยตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐในสัปดาห์หน้า

ให้แนวรับไว้ที่ 1,450 จุด และแนวต้าน 1,465 จุด

*ประเด็นพิจารณาการลงทุน

- ตลาดหุ้นนิวยอร์ก (26 ก.ย.) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 42,175.11 จุด เพิ่มขึ้น 260.36 จุด หรือ +0.62%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 5,745.37 จุด เพิ่มขึ้น 23.11 จุด เพิ่มขึ้น +0.40% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 18,190.29 จุด เพิ่มขึ้น 108.09 จุด หรือ +0.60%

- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตตลาดหุ้นจีนเปิดที่ระดับ 3,049.10 จุด เพิ่มขึ้น 48.15 จุด หรือ +1.60% ดัชนีฮั่งเส็งตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดที่ระดับ 20,446.74 จุด พุ่งขึ้น 522.16 จุด หรือ +2.62% และดัชนีนิกเกอิตลาดหุ้นโตเกียวเปิดที่ระดับ 39,108.27 จุด เพิ่มขึ้น 182.64 จุด หรือ +0.47%

- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (26 ก.ย.) ที่ 1,455.03 จุด ลดลง 6.55 จุด (-0.45%) มูลค่าซื้อขาย 56,090.14 ล้านบาท

- นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 1,326.28 ลบ.(26 ก.ย.)

- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน พ.ย.(26 ก.ย.) ลดลง 2.02 ดอลลาร์ หรือ 2.9% ปิดที่ 67.67 ดอลลาร์/บาร์เรล

- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (25 ก.ย.) อยู่ที่ 2.36 เหรียญ/บาร์เรล

- เงินบาทเปิด 32.46 ทยอยแข็งค่าต่อเนื่อง ให้กรอบ 32.25-32.55 จับตาตัวเลข PCE สหรัฐ

- "คลัง" ลุยภาษีคาร์บอน ภายในปี 2567 คาดราคาคาร์บอน "ตันละ 200 บาท" ใช้คำนวณภาษีน้ำมัน ยืนยันไม่กระทบผู้บริโภคช่วงแรก รื้อภาษีแบตเตอรี่เก็บตามขั้นบันได นำร่องสร้างกลไกตลาดคาร์บอนภาคบังคับ ชี้สินค้าส่งออกไทย เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมแค่ 7% กรมโลกร้อน ชู พ.ร.บ. การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอาการ ดันไทยสู่เป้าหมาย เน็ตซีโร่

- นายกฯ บินประชุมส่วนราชการเชียงรายวางกรอบแผนเผชิญเหตุและป้องกันภัยของชาติ ต้องรับมืออุทกภัย-วาตภัยอย่างเป็นระบบในอนาคตให้ได้ทุกภาค ชี้หากได้ข้อสรุปป้องกันภัยได้จะสรุปเป็น "แม่สายโมเดล" มท.4 ระบุ ชาวแม่สายเตรียมรับเงินเยียวยาน้ำท่วมก้อนแรกวันนี้ "อนุทิน" เตรียมเสนอ ครม.ปรับเกณฑ์เยียวยาให้ได้มากขึ้น ระบุแม้เยียวยา 9,000 บาทแต่ไม่พอ กรมชลฯ เตือน 11 จังหวัดลุ่มเจ้าพระยารับมือเขื่อนเพิ่มการระบายน้ำจาก 1,500 เป็น 2,000 ลบ.ม./วินาที จ.เชียงใหม่ยังสาหัส น้ำทะลักท่วม รพ.

- ศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ ม.หอการค้า เปิดผลสำรวจพฤติกรรมการใช้จ่ายของประชาชนช่วงเทศกาลกินเจปีนี้ที่เริ่มวันที่ 3 ต.ค.67 คึกคักพอๆ กับปีก่อนคาดเงินสะพัด 45,003 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1% จากปี 66 หรือใช้จ่ายเฉลี่ยต่อคน 4,696 บาท เนื่องจากคนยังระมัดระวังการใช้จ่าย เพราะมองว่าเศรษฐกิจยังไม่ดี รวมทั้งการแจกเงินสด 10,000 บาท ยังไม่มีผลกับการใช้จ่ายช่วงกินเจ เนื่องจากคนกินเจส่วนใหญ่ไม่ได้รับสิทธิ แต่อยู่ในกลุ่มคนเฟส 2 ที่จะได้รับเงินดิจิทัลปี 68

*หุ้นเด่นวันนี้

- TOA (คิงส์ฟอร์ด) "ซื้อ" เป้าหมาย Bloomberg Consensus 25.20 บาท กำไรสุทธิ H1/67 อยู่ที่ 1,281 ลบ. -6.72%YoY จากค่าใช้จ่ายพนง., การตลาด, และโฆษณาที่สูงขึ้น รวมถึง การตัดจำหน่ายสินทรัพย์จากการย้ายโรงงานในมาเลเซีย ส่วนช่วงถัดไป แม้ Q3/67 มีโอกาสอ่อนตัว QoQ ตามฤดูกาล แต่คาดฟื้นดีใน Q4/67 หนุนด้วยฤดูกาล และการซ่อมแซมหลังน่ำท่วม นอกจากนี้ ยังมีความน่าสนใจจากการเป็นหุ้นใน SET100, SETESG และได้ SET ESG Ratings ระดับ A ตลาดคาดกำไรสุทธิปี 67 และ 68 จะอยู่ที่ 2,496 ลบ.(-5.34%YoY) และ 2,673 ลบ.(+7.09%YoY)

- AAV (ฟินันเซีย ไซรัส) "ซื้อ เป้า 3.3 บาท คาดกำไร Q3-Q4 เติบโตทั้ง q-q และ y-y หนุนจากปัจจัยฤดูกาลหลังผ่าน Low Season ต่ำสุดใน Q2 ไปแล้ว ล่าสุด Load Factor ก.ค.-ส.ค.อยู่ที่ 91-92% และค่าตั๋วคาดปรับขึ้น 13-16% เป็น 1,950-2,000 บาท และยังได้อานิสงส์บาทแข็ง ประเมินทุก 1 บาทจะมีกำไรอัตราแลกเปลี่ยน 1 พันลบ.ขณะที่ราคาน้ำมันดิบและน้ำมันเครื่องบินปรับลง 17% YTD เป็นอีกปัจจัยบวกต่อต้นทุน ส่วนภาษีน้ำมัน Jet หากรัฐบาลปรับลดลงจะเป็น Upside ต่อประมาณการ

กดอ่านข่าวต้นฉบับจาก InfoQuest

ความคิดเห็นล่าสุด

การเปิดเผยความเสี่ยง: การซื้อขายตราสารทางการเงินและ/หรือเงินดิจิตอลจะมีความเสี่ยงสูงที่รวมถึงความเสี่ยงต่อการสูญเสียจำนวนเงินลงทุนของคุณบางส่วนหรือทั้งหมดและอาจไม่เหมาะสมกับนักลงทุนทั้งหมด ราคาของเงินดิจิตอลแปรปรวนอย่างมากและอาจได้รับผลกระทบจากปัจจัยภายนอกต่าง ๆ เช่น เหตุการณ์ทางการเงิน กฎหมายกำกับดูแล หรือ เหตุการณ์ทางการเมือง การซื้อขายด้วยมาร์จินทำให้ความเสี่ยงทางการเงินเพิ่มขึ้น
ก่อนการตัดสินใจซื้อขายตราสารทางการเงินหรือเงินดิจิตอล คุณควรตระหนักดีถึงความเสี่ยงและต้นทุนที่เกี่ยวข้องกับการซื้อขายในตลาดการเงิน ควรพิจารณาศึกษาอย่างรอบคอบในด้านวัตถุประสงค์การลงทุน ระดับประสบการณ์ และ การยอมรับความเสี่ยงและแสวงหาคำแนะนำทางวิชาชีพหากจำเป็น
Fusion Media อยากเตือนความจำคุณว่าข้อมูลที่มีในเว็บไซต์นี้ไม่ใช่แบบเรียลไทม์หรือเที่ยงตรงแม่นยำเสมอไป ข้อมูลและราคาที่แสดงไว้บนเว็บไซต์ไม่ใช่ข้อมูลที่ได้รับจากตลาดหรือตลาดหลักทรัพย์เสมอไปแต่อาจได้รับจากผู้ดูแลสภาพคล่องและดังนั้นราคาจึงอาจไม่เที่ยงตรงแม่นยำและอาจแตกต่างจากราคาจริงในตลาดซึ่งหมายความว่าราคานี้เป็นเพียงราคาชี้นำและไม่เหมาะสมสำหรับวัตถุประสงค์เพื่อการซื้อขาย Fusion Media และผู้ให้ข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้จะไม่รับผิดชอบใด ๆ สำหรับความเสียหายหรือการสูญเสียที่เป็นผลมาจากการซื้อขายของคุณหรือการพึ่งพาของคุณในข้อมูลที่มีในเว็บไซต์นี้
ห้ามใช้ จัดเก็บ ทำซ้ำ แสดงผล ดัดแปลง ส่งผ่าน หรือ แจกจ่ายข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้โดยไม่ได้รับการอนุญาตล่วงหน้าอย่างชัดแจ้งแบบเป็นลายลักษณ์อักษรจาก Fusion Media และ/หรือจากผู้ให้ข้อมูล ผู้ให้ข้อมูลขอสงวนสิทธิในทรัพย์สินทางปัญญาและ/หรือการแลกเปลี่ยนข้อมูลที่ให้ข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้
Fusion Media อาจได้รับผลตอบแทนจากผู้โฆษณาที่ปรากฎบนเว็บไซต์โดยอิงจากปฏิสัมพันธ์ของคุณที่มีกับโฆษณาหรือผู้โฆษณา
เวอร์ชั่นภาษาอังกฤษของเอกสารฉบับนี้เป็นเวอร์ชั่นหลักซึ่งจะเป็นเวอร์ชั่นที่เหนือกว่าเมื่อใดก็ตามที่มีข้อขัดแย้งไม่สอดคล้องตรงกันระหว่างเอกสารเวอร์ชั่นภาษาอังกฤษกับเอกสารเวอร์ชั่นภาษาไทย