InfoQuest - ตลาดหุ้นยุโรปปิดลบในวันพุธ (4 ก.ย.) สู่ระดับต่ำสุดในรอบ 2 สัปดาห์ โดยหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีนำตลาดปรับตัวลง เนื่องจากความวิตกเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวในสหรัฐฯ และเศรษฐกิจจีนที่อ่อนแอส่งผลกระทบต่อตลาดทั่วโลก
ทั้งนี้ ดัชนี STOXX 600 ปิดตลาดที่ระดับ 514.82 จุด ลดลง 5.02 จุด หรือ -0.97%
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 7,500.97 จุด ลดลง 74.13 จุด หรือ -0.98%, ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 18,591.85 จุด ลดลง 155.26 จุด หรือ -0.83% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 8,269.60 จุด ลดลง 28.86 จุด หรือ -0.35%
ดัชนีความผันผวน (STOXX volatility index) ซึ่งวัดความวิตกของนักลงทุนพุ่งขึ้นสู่ระดับสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 9 ส.ค.
หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีนำตลาดปรับตัวลง โดยร่วงกว่า 3% สู่ระดับต่ำสุดในรอบเกือบ 1 เดือน โดยปรับตัวตามการร่วงลงของหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีในตลาดหุ้นสหรัฐฯ หลังการเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุน
กิจกรรมการผลิตของจีนลดลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบ 6 เดือนในเดือนส.ค. ซึ่งส่งผลกระทบต่อหุ้นกลุ่มสินค้าหรูหราในยุโรป อาทิ หุ้น LVMH Holdings, หุ้น Richemont และ หุ้น Christian Dior โดยหุ้นเหล่านี้ร่วงลงราว 3-5.8%
ความกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจในสหรัฐฯ และจีน ซึ่งเป็นสองเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดในโลก กดดันตลาดยุโรปในช่วงเดือนที่ผ่านมา ขณะที่เศรษฐกิจของภูมิภาคยุโรปก็เผชิญกับปัญหาเช่นกัน
ข้อมูลกิจกรรมทางธุรกิจของยูโรโซนแตกต่างกันไป โดยภาคบริการของฝรั่งเศสได้รับแรงหนุนในเดือนส.ค.จากการเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันโอลิมปิกเกม ในขณะที่การขยายตัวของภาคบริการในเยอรมนีชะลอตัวลงเป็นเดือนที่ 3 ติดต่อกัน ซึ่งเป็นสัญญาณบ่งชี้เพิ่มเติมว่า เศรษฐกิจที่ใหญ่ที่สุดของยุโรปนั้นกำลังอ่อนแอลง
ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) รวมภาคการผลิต-ภาคบริการขั้นสุดท้ายของยูโรโซนจากฮัมบูร์ก คอมเมอร์เชียล แบงก์ (HCOB) ซึ่งรวบรวมโดยเอสแอนด์พี โกลบอล และเป็นตัวชี้วัดสุขภาพทางเศรษฐกิจโดยรวมอยู่ที่ 51.0 ซึ่งต่ำกว่าตัวเลขประมาณการขั้นต้นที่ 51.2 ส่วนดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ลดลง 2.1% ในเดือนก.ค. เมื่อเทียบเป็นรายปี ต่ำกว่าที่คาดไว้ที่ 2.5% ในผลสำรวจของรอยเตอร์
บรรดานักลงทุนจะจับตาข้อมูลการจ้างงานนอกภาคการเกษตรของสหรัฐฯ ในวันศุกร์นี้ เพื่อหาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจและแนวโน้มการดำเนินนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด)
แม้เผชิญแรงขาย แต่ตลาดหุ้นยุโรปก็ยังคงปรับตัวขึ้น 8.5% ในปีนี้ เนื่องจากแนวโน้มการปรับลดอัตราดอกเบี้ยได้ช่วยหนุนตลาด โดยมีการคาดการณ์กันอย่างกว้างขวางว่า ธนาคารกลางยุโรป (ECB) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงในเดือนนี้
สำหรับความเคลื่อนไหวของหุ้นรายตัว หุ้นเอเอสเอ็มแอล โฮลดิง (ASML Holding) ร่วงลงเกือบ 6% ซึ่งเป็นหนึ่งในหุ้นที่ปรับตัวลงมากที่สุดในดัชนี STOXX 600 หลังยูบีเอสปรับลดอันดับความน่าลงทุนในหุ้นตัวนี้ซึ่งเป็นบริษัทผู้ผลิตอุปกรณ์เซมิคอนดักเตอร์
หุ้นวอลโว่ คาร์ส (Volvo Cars) ร่วงลง 5.9% หลังจากที่บริษัทผู้ผลิตรถยนต์รายนี้ยกเลิกเป้าหมายที่จะเปลี่ยนไปผลิตรถไฟฟ้าทั้งหมดภายในปี 2573
หุ้นคอมเมิร์ซแบงก์ (Commerzbank) ร่วงลง 2.7% หลังจากที่รัฐบาลเยอรมนีประกาศเมื่อวันอังคารว่า มีความตั้งใจที่จะลดสัดส่วนการถือหุ้นในธนาคารแห่งนี้