ตลาดหุ้นทั่วโลกเผชิญกับผลกระทบอย่างรุนแรงในวันนี้ ท่ามกลางความกลัวที่เพิ่มขึ้นเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจถดถอยในสหรัฐฯ ซึ่งกระตุ้นให้เกิดการถกเถียงกันในหมู่นักลงทุนและนักวิเคราะห์ว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ จำเป็นต้องเร่งดำเนินการผ่อนคลายนโยบายเพื่อสนับสนุนการเติบโตหรือไม่
ความปั่นป่วนล่าสุดในตลาดได้ผลักดันให้ดัชนี CBOE Volatility หรือที่รู้จักในชื่อ VIX index พุ่งขึ้นประมาณ 50% เป็น 35.16 ซึ่งเป็นระดับที่สูงที่สุดนับตั้งแต่เดือนตุลาคม 2020
ดัชนี VIX มักถูกเรียกว่าเป็น "มาตรวัดความกลัว" เนื่องจากมันถูกใช้วัดความคาดหวังของตลาดเกี่ยวกับความผันผวนในระยะสั้นที่แสดงโดยออปชั่นของ S&P 500 อีกทั้งดัชนียังสะท้อนให้เห็นความเชื่อมั่นและความกังวลของนักลงทุน โดยค่าที่สูงขึ้นบ่งชี้ถึงความไม่แน่นอนของตลาดที่เพิ่มขึ้นและความปั่นป่วนที่อาจเกิดขึ้น ดัชนีนี้ถูกใช้กันอย่างแพร่หลายเป็นเครื่องชี้วัดความเสี่ยงของตลาดและความเชื่อมั่นของนักลงทุน
การเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในมาตรวัดความกลัวนั้นเกิดขึ้นท่ามกลางการเทขายหุ้นจำนวนมาก ซึ่งเกิดจากการที่ดัชนี Nikkei ของญี่ปุ่นร่วงลง 12.4% สู่ระดับต่ำสุดในรอบ 7 เดือน และถือเป็นระดับการร่วงลงที่ไม่เคยเห็นมาก่อนตั้งแต่วิกฤตการเงินโลกในปี 2011
ขณะเดียวกัน ดัชนี Nasdaq 100 ฟิวเจอร์ส ก็ลดลง 3.3% ขณะที่ S&P 500 ฟิวเจอร์ส ลดลง 2% ด้าน EUROSTOXX 50 ฟิวเจอร์สลดลง 2% และ FTSE ฟิวเจอร์ส ลดลง 2.4%
รายงานการจ้างงานในเดือนกรกฎาคมที่อ่อนแออย่างน่าตกใจได้ทำให้ตลาดคาดการณ์ว่าเฟดมีโอกาส 78% ที่จะไม่เพียงแต่ปรับลดอัตราดอกเบี้ยในเดือนกันยายนเท่านั้น แต่ยังจะปรับอัตราดอกเบี้ยลดลงที่ 50 จุดพื้นฐานอีกด้วย
ในอนาคตเคาดว่าจะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยกองทุนลง 122 จุดพื้นฐานจากระดับ 5.25-5.5% ในปีนี้ โดยคาดว่าอัตราดอกเบี้ยจะอยู่ที่ประมาณ 3.0% ภายในสิ้นปี 2025
นักวิเคราะห์ของ Goldman Sachs เขียนในบันทึกว่า "เราปรับเพิ่มอัตราการเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอยใน 12 เดือนขึ้น 10 จุดเป็น 25%" แม้ว่าพวกเขาจะเชื่อว่าความเสี่ยงนี้ได้ถูกบรรเทาลงแล้วโดยความสามารถของเฟดในการผ่อนคลายนโยบายก็ตาม
ขณะนี้ Goldman คาดการณ์ว่าจะมีการลดลงที่ 0.25 จุดในเดือนกันยายน พฤศจิกายน และธันวาคม
"สมมติฐานของการคาดการณ์ของเราคือการเติบโตของการจ้างงานจะฟื้นตัวในเดือนสิงหาคม และคณะกรรมการ FOMC จะพิจารณาว่าการปรับลด 25 จุดพื้นฐานเพียงพอที่จะตอบสนองต่อความเสี่ยงขาลงใด ๆ" พวกเขากล่าวเสริม "หากเราคิดผิดและรายงานการจ้างงานในเดือนสิงหาคมอ่อนแอพอ ๆ กับรายงานในเดือนกรกฎาคม ก็มีความเป็นไปได้ที่จะมีการปรับลดที่ 50 จุดพื้นฐานในเดือนกันยายน"
ในขณะเดียวกัน นักเศรษฐศาสตร์ของ JPMorgan กลับมองในแง่ร้ายมากกว่า โดยได้กำหนดโอกาสของการเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอยในสหรัฐฯ ที่ 50%
"ตอนนี้เฟดดูเหมือนจะตามหลังไปมาก เราคาดว่าจะมีการปรับลดที่ 50 จุดพื้นฐานในการประชุมเดือนกันยายน ตามด้วยการปรับลดอีก 50 จุดพื้นฐานในเดือนพฤศจิกายน" JPMorgan ระบุ
"อันที่จริงอาจมีกรณีของการผ่อนคลายในระหว่างการประชุม โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากข้อมูลอ่อนตัวลงอีก แม้ว่าทางการเฟดอาจมีความกังวลว่าความเคลื่อนไหวดังกล่าวจะถูกตีความไป (ผิด) อย่างไร"