สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า ยอดค้าปลีกสหราชอาณาจักร ทรุดตัวลงครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ เนื่องจากมาตรการควบคุมการระบาดได้บีบบังคับให้ร้านค้าปลีกสินค้าฟุ่มเฟือยทยอยปิดทำการ
สำนักงานสถิติแห่งชาติอังกฤษได้เผยในวันนี้ว่า ยอดค้าปลีกที่รวมยอดขายเชื้อเพลิงยานยนต์ในเดือนมีนาคมลดลง 5.1% จากเดือนกุมภาพันธ์ ถือเป็นการทรุดตัวลงครั้งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่ปี 1996 ส่วนยอดค้าปลีกที่ไม่รวมยอดขายเชื้อเพลิงลดลง 3.7%
ตัวเลขเหล่านี้แสดงให้เห็นถึงผลกระทบจากการระบาดของเชื้อไวรัสต่ออุตสาหกรรมการค้าปลีกสหราชอาณาจักรที่เดิมทีก็อ่อนแออยู่แล้ว และในอนาคตก็มีแววว่าจะแย่ลงกว่านี้ด้วย
ในช่วงสิ้นเดือนมีนาคม มีเพียงซูเปอร์มาร์เก็ต ร้านขายยา และร้านค้าสินค้าที่จำเป็นต่อการใช้ชีวิตเท่านั้นที่ยังเปิดทำการ หลังจากนายกรัฐมนตรีอังกฤษ นายบอริส จอห์นสัน ได้สั่งการให้ประชาชนกักตัวอยู่ในที่อยู่อาศัย และสั่งให้ร้านค้าประเภทอื่น ๆ ปิดทำการจนกว่าจะถึงเดือนพฤษภาคมเป็นอย่างน้อย โดยผลสำรวจยอดค้าปลีกล่าสุดได้เก็บข้อมูลในช่วงเวลาตั้งแต่วันที่ 3 มีนาคมถึง 4 เมษายน
ยอดขายร้านเสื้อผ้าถล่มลงถึง 35% ได้รับผลกระทบหนักสุดในบรรดากลุ่มร้านค้าที่ไม่ใช่ร้านอาหาร ซึ่งโดยรวมแล้วยอดขายของร้านค้ากลุ่มนี้ดิ่งลงมากกว่า 19%
ข่าวดีเพียงข่าวเดียวดูเหมือนว่าจะมาจากยอดขายสินค้าอาหารซึ่งออกมาสูงขึ้นถึง 10.4% เนื่องด้วยแรงหนุนจากการแห่ซื้อด้วยความแตกตื่นในช่วงต้นเดือนแรก ขณะที่ลูกค้าหลายรายก็เริ่มหันไปใช้บริการผ่านช่องทางอินเทอร์เน็ตมากขึ้น ทำให้ยอดขายออนไลน์ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของยอดค้าปลีกทั้งหมดพุ่งขึ้นสูงสุดในประวัติศาสตร์ถึง 22.3%