InfoQuest - ตลาดหุ้นยุโรปปิดลบในวันจันทร์ (15 ก.ค.) หลังการเปิดเผยผลประกอบการที่ซบเซาของบริษัทสินค้าหรูหราถ่วงตลาดลง ขณะที่บรรยากาศการซื้อขายยังคงเปราะบางหลังการพยายามลอบสังหารนายโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้ชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา
ทั้งนี้ ดัชนี STOXX 600 ปิดตลาดที่ระดับ 518.73 จุด ลดลง 5.35 จุด หรือ -1.02%
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 7,632.71 จุด ลดลง 91.61 จุด หรือ -1.19%, ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 18,590.89 จุด ลดลง 157.29 จุด หรือ -0.84% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 8,182.96 จุด ลดลง 69.95 จุด หรือ -0.85%
ตลาดหุ้นยุโรปปรับตัวลงหลังจากปิดบวก 3 วันติดต่อกัน โดยหุ้นเบอเบอร์รีร่วง 16.1% หลังเตือนเกี่ยวกับผลกำไร, ยกเลิกการจ่ายเงินปันผล และเปลี่ยนซีอีโอคนใหม่
หุ้นสวอทช์ กรุ๊ป บริษัทผลิตนาฬิการายใหญ่ที่สุดของโลก ร่วง 9.8% หลังรายงานยอดขายและผลประกอบการครึ่งปีแรกลดลง
หุ้นกลุ่มสินค้าหรูหราร่วงลงเกือบ 3% และหุ้นกลุ่มสินค้าส่วนบุคคลและครัวเรือนร่วงลง 2.1%
หุ้นกลุ่มเหมืองแร่ร่วงลง 1.6% โดยปรับตัวลงตามราคาโลหะพื้นฐานหลังการเปิดเผยข้อมูลบ่งชี้ว่า เศรษฐกิจจีนขยายตัวในอัตราที่ชะลอตัวมากกว่าคาดในไตรมาส 2
หุ้นกลุ่มพลังงานทดแทนในยุโรป อาทิ ออร์สเต็ด, อาร์ดับบลิวอี, นอร์เด็กซ์, เวสต์ทาส และซีเมนส์ เอเนอร์จี ร่วง 3.4-6.4% ซึ่งบรรดาเทรดเดอร์ระบุว่า การร่วงลงของหุ้นกลุ่มนี้เป็นผลจากโอกาสที่เพิ่มขึ้นที่นายทรัมป์จะชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ โดยทรัมป์ระบุว่า เขาจะยุติการพัฒนาพลังงานลมนอกชายฝั่งหากได้รับการเลือกตั้ง
สำหรับจุดสนใจของตลาดในขณะนี้อยู่ที่การแสดงความเห็นของนางคริสติน ลาการ์ด ประธานธนาคารกลางยุโรป (ECB) ก่อนการประชุม ECB ในสัปดาห์นี้