InfoQuest - ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกในวันจันทร์ (19 ก.พ.) แตะระดับสูงสุดในรอบกว่า 2 ปี โดยได้แรงหนุนจากการปรับตัวขึ้นอย่างแข็งแกร่งของหุ้นกลุ่มเฮลท์แคร์ แต่ตลาดหุ้นฝรั่งเศสและเยอรมนีชะลอความแรงลง หลังจากแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในสัปดาห์ที่ผ่านมา เนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจถ่วงตลาดลง
ทั้งนี้ ดัชนี STOXX 600 ปิดตลาดที่ระดับ 492.39 จุด เพิ่มขึ้น 0.80 จุด หรือ +0.16%
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 7,768.55 จุด เพิ่มขึ้น 0.37 จุด หรือ +0.01%, ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 17,092.26 จุด ลดลง 25.18 จุด หรือ -0.15% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,728.50 จุด เพิ่มขึ้น 16.79 จุด หรือ +0.22%
ตลาดหุ้นยุโรปปรับตัวขึ้นเป็นวันที่ 4 ติดต่อกัน แต่ปริมาณการซื้อขายเบาบาง ขณะที่ตลาดสหรัฐปิดทำการวันหยุดเนื่องในวันประธานาธิบดี
หุ้นกลุ่มเฮลท์แคร์ปรับตัวขึ้น 1% สู่ระดับสูงสุดในรอบเกือบ 2 ปี นำโดยหุ้นแอสตร้าเซนเนก้าซึ่งพุ่งขึ้น 3.2% หลังเปิดเผยว่ายารักษาโรคมะเร็งปอดของบริษัทได้รับการอนุมัติจากสำนักงานอาหารและยา (FDA) ของสหรัฐ
แต่หุ้นกลุ่มทรัพยากรพื้นฐานปรับตัวลง 1% เนื่องจากราคาทองแดงร่วงลง หลังจีนคงอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ระยะกลางและตลาดมุ่งความสนใจไปที่ตลาดอสังหาริมทรัพย์ที่ซบเซาของจีน
ตลาดหุ้นฝรั่งเศสทรงตัว หลังรัฐบาลปรับลดคาดการณ์ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ปีนี้ลงสู่ 1% จาก 1.4% เนื่องจากสงครามในยูเครนและฉนวนกาซา รวมถึงการชะลอตัวของประเทศคู่ค้าชั้นนำได้ส่งผลกระทบต่อแนวโน้ม GDP
ส่วนตลาดหุ้นเยอรมนีปรับตัวลง เนื่องจากบุนเดสแบงก์รายงานว่า เศรษฐกิจเยอรมนีมีแนวโน้มถดถอย เนื่องจากอุปสงค์จากต่างประเทศอ่อนแอ, ผู้บริโภคระมัดระวังในการใช้จ่าย และการลงทุนในประเทศชะงักงัน
ในรอบสัปดาห์นี้ บรรดานักลงทุนจะจับตาการเปิดเผยข้อมูลเงินเฟ้อและดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ของยูโรโซน รวมถึง GDP ไตรมาส 4 ของเยอรมนีเพื่อประเมินสถานะทางเศรษฐกิจของยูโรโซน