Investing.com - ตลาดหุ้นเอเชียแปซิฟิกปรับตัวขึ้นในการซื้อขายวันนี้ เป็นผลจากการพุ่งขึ้นครั้งใหญ่ในวอลล์สตรีทซึ่งได้รับแรงหนุนจากหุ้นประเภทเทคโนโลยีเป็นส่วนใหญ่
ทางด้านดัชนีหลัก ได้แก่ S&P/ASX 200 ของออสเตรเลีย KOSPI 200 ของเกาหลีใต้ และ Nikkei 225 ของญี่ปุ่น ต่างก็เปิดตลาดด้วยกำไร 1.2% 0.9% และ 1.8% ตามลำดับ
ในตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ น้ำมันดิบเบรนท์ น้ำมันดิบ WTI ร่วงลงมากกว่า 3% เป็น 75.77 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ทองคำ ปรับลง 0.95% เป็น 2,026 ดอลลาร์ต่อออนซ์ และ แร่เหล็ก ร่วงลงมากกว่า 1% เป็น 141.45 ดอลลาร์ต่อตัน
ในตลาดพันธบัตรท้องถิ่น อัตราผลตอบแทน พันธบัตรรัฐบาลออสเตรเลียอายุ 2 ปี เพิ่มขึ้นเป็น 3.926% ในขณะที่อัตราผลตอบแทน พันธบัตรรัฐบาลออสเตรเลียอายุ 10 ปี ส่วนใหญ่ยังคงไม่เปลี่ยนแปลงที่ 4.171% ในทางตรงกันข้ามพันธบัตรของสหรัฐฯ มีการปรับตัวลดลง โดยอัตราผลตอบแทน พันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 2 ปี ปรับลงเป็น 4.362% และอัตราผลตอบแทน พันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปี ปรับลงเป็น 4.012%
ดอลลาร์ออสเตรเลีย ยังคงทรงตัวที่ 0.6726 เซนต์สหรัฐ
ในสหรัฐอเมริกา ราคาหุ้นพุ่งขึ้นอย่างมีนัยสำคัญเมื่อวันจันทร์ ซึ่งนำโดยดัชนี Nasdaq คอมโพสิต ที่พุ่งขึ้นมากกว่า 2% จากการดีดตัวขึ้นของหุ้นประเภทเทคโนโลยี ทางด้าน S&P 500 เพิ่มขึ้นมากกว่า 1% ฟื้นตัวจากการขาดทุน 1.5% เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว อย่างไรก็ตาม ดาวโจนส์ ปรับตัวขึ้นอีกเพียงเล็กน้อย หลังถูกจำกัดโดย Boeing (NYSE:BA) ซึ่งดึงดัชนีบลูชิปเข้าสู่แดนลบ
หุ้นจีนแตะระดับต่ำลงไปอีก โดยดัชนี CSI 300 ซึ่งติดตามหุ้นบลูชิปที่จดทะเบียนในเซี่ยงไฮ้และเซินเจิ้น ร่วงลง 1.3% สู่ระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ต้นปี 2019 เซี่ยงไฮ้คอมโพสิต ก็ลดลง 1.4% ปิดราคาต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนเมษายนปี 2022 ในฮ่องกง ดัชนีฮั่งเส็ง ซึ่งรวมถึงบริษัทจีนแผ่นดินใหญ่หลายแห่ง ร่วงลง 1.9% ซึ่งถือเป็นการปิดที่จุดต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 11 ธันวาคม
หุ้นยุโรปดีดตัวขึ้นหลังเริ่มต้นปีใหม่อย่างน่าผิดหวัง โดยหุ้นประเภทเทคโนโลยีถือเป็นหุ้นที่ปรับตัวขึ้นมากที่สุดที่ 1.2% หยุดสถิติการขาดทุนติดต่อกันหกวันลง ในขณะที่ดัชนีการค้าปลีกเพิ่มขึ้น 1.3% ซึ่งถือเป็นการปรับขึ้นครั้งแรกในรอบ 7 เซสชัน ในทางกลับกันหุ้นพลังงานร่วงลง 2.7%