InfoQuest - ตลาดหุ้นยุโรปปิดลบในวันศุกร์ (22 ก.ย.) และปรับตัวลงอย่างรุนแรงในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา เนื่องจากนักลงทุนวิตกว่า อัตราดอกเบี้ยทั่วโลกมีแนวโน้มที่จะยังคงอยู่ที่ระดับสูงต่อไปอีกนาน
ทั้งนี้ ดัชนี STOXX 600 ปิดตลาดที่ระดับ 453.26 จุด ลดลง 1.41 จุด หรือ -0.31% และปรับตัวลง 1.9% ในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 7,184.82 จุด ลดลง 29.08 จุด หรือ -0.40%, ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 15,557.29 จุด ลดลง 14.57 จุด หรือ -0.09% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,683.91 จุด เพิ่มขึ้น 5.29 จุด หรือ +0.07%
ตลาดหุ้นยุโรปปรับตัวลงแตะระดับต่ำสุดในรอบกว่า 1 สัปดาห์ โดยหุ้นกลุ่มก่อสร้างและวัสดุปรับตัวลง 1.0%
ตลาดถูกกดดันเนื่องจากนักลงทุนขายหุ้นเพื่อลดความเสี่ยง หลังธนาคารกลางรายใหญ่ทั่วโลก รวมถึงธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) และธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) ระบุว่าจะยังคงตรึงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับสูงต่อไปนานกว่าคาด
นักลงทุนยังคงวิตกเกี่ยวกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจยูโรโซน หลังการเปิดเผยข้อมูลกิจกรรมทางเศรษฐกิจหดตัวลงในฝรั่งเศสและเยอรมนี นอกจากนี้ ข้อมูลเศรษฐกิจยังบ่งชี้ว่า เศรษฐกิจของยูโรโซนมีแนวโน้มหดตัวในไตรมาสนี้ และจะยังไม่กลับไปมีการขยายตัวในเร็ว ๆ นี้
หุ้นกลุ่มธนาคารยูโรโซนปรับตัวลง 1.4% โดยหุ้นกลุ่มธนาคารของเนเธอร์แลนด์ อาทิ ไอเอ็นจี กรุ๊ปและเอบีเอ็น แอมโร ร่วงลง 6.4% และ 4.5% ตามลำดับ หลังสมาชิกสภานิติบัญญัติของเนเธอร์แลนด์สนับสนุนแผนการปรับขึ้นภาษีธนาคารเพื่อรองรับการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำและสนับสนุนด้านการดูแลเด็กมากขึ้นในปีหน้า
หุ้นกลุ่มพลังงานและกลุ่มเหมืองแร่ปรับตัวขึ้น 0.3% ตามราคาสินค้าโภคภัณฑ์ที่เพิ่มขึ้น ขณะที่หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีบวก 0.8% ในวันศุกร์ แม้ปรับตัวลงเกือบ 2% ในรอบสัปดาห์นี้
สำหรับหุ้นรายตัว หุ้นแอสตร้าเซเนก้า บวก 1.5% สวนทางตลาด หลังเปิดเผยว่า ยาของบริษัทสามารถชะลอการลุกลามของมะเร็งทรวงอกในการทดลองระยะสุดท้าย
หุ้นอเดวินตาซึ่งเป็นบริษัทโฆษณาออนไลน์ของนอร์เวย์ที่ได้รับการสนับสนุนโดยอีเบย์นั้น พุ่งขึ้น 26.5% หลังได้รับข้อเสนอเทกโอเวอร์กิจการจากกลุ่มบริษัทที่นำโดยเพอร์มิราและแบล็กสโตน