InfoQuest - ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลดลงในวันศุกร์ (15 ก.ย.) เนื่องจากหุ้นกลุ่มชิปร่วงลงจากความวิตกเกี่ยวกับอุปสงค์ที่อ่อนแอของผู้บริโภค ขณะที่การปรับตัวขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐได้ส่งผลกดดันหุ้นอะเมซอน และหุ้นของบริษัทเติบโตรายใหญ่อื่น ๆ
ทั้งนี้ ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 34,618.24 จุด ลดลง 288.87 จุด หรือ -0.83%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,450.32 จุด ลดลง 54.78 จุด หรือ -1.22% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 13,708.34 จุด ลดลง 217.72 จุด หรือ -1.56%
ในรอบสัปดาห์นี้ ดัชนีดาวโจนส์บวก 0.12% ขณะที่ดัชนี S&P500 ลดลง 0.16% และดัชนี Nasdaq ลดลง 0.39%
หุ้นทั้ง 11 กลุ่มของดัชนี S&P500 ปรับตัวลง นำโดยหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีสารสนเทศร่วง 1.95% และหุ้นกลุ่มสินค้าฟุ่มเฟือยร่วง 1.88%
หุ้นบริษัทผลิตชิป อาทิ แอพพลายด์ แมทีเรียลส์, แลม รีเสิร์ช และเคแอลเอ คอร์ป ต่างร่วงลงมากกว่า 4% หลังสำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่าบริษัท TSMC ของไต้หวันได้ขอให้บรรดาผู้ค้ารายใหญ่ของบริษัทชะลอการส่งมอบชิป
หุ้นอินวิเดียร่วงลง 3.7%, หุ้นแอดวานซ์ ไมโคร ดีไวซ์ ร่วง 4.8% ขณะที่หุ้นบรอดคอมและหุ้นไมครอน เทคโนโลยี ร่วงลงกว่า 2% ซึ่งถ่วงดัชนีหุ้นกลุ่มเซมิคอนดักเตอร์ที่ตลาดฟิลาเดลเฟียลงราว 3%
ทั้งนี้ มีความวิตกเกี่ยวกับอุปสงค์ชิปจากบริษัทผลิตรถยนต์ หลังสหภาพแรงงานยานยนต์สหรัฐ (United Auto Workers หรือ UAW) ได้ทำการหยุดงานประท้วงที่โรงงานต่าง ๆ ของเจเนอรัล มอเตอร์, ฟอร์ด และสเตลแลนติสซึ่งเป็นบริษัทแม่ของไครสเลอร์
อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐปรับตัวขึ้นก่อนการประชุมกำหนดนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในสัปดาห์หน้า ขณะที่เฟดเผชิญกับภาวะเศรษฐกิจสหรัฐที่แข็งแกร่งและเงินเฟ้อยังคงอยู่เหนือระดับเป้าหมาย
เครื่องมือ FedWatch Tool ของ CME บ่งชี้ว่า บรรดาเทรดเดอร์คาดว่า มีโอกาส 97% ที่เฟดจะตรึงอัตราดอกเบี้ยในการประชุมนโยบายการเงินในวันที่ 20 ก.ย.นี้ และคาดว่ามีโอกาส 67% ที่เฟดจะคงดอกเบี้ยในการประชุมเดือนพ.ย.
หุ้นเติบโตที่อ่อนไหวต่ออัตราดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้น อาทิ หุ้นอะเมซอนและหุ้นไมโครซอฟท์ ร่วงลงมากกว่า 2% และหุ้นเมตา แพลตฟอร์ม ร่วง 3.7%
หุ้นอะโดบี ร่วง 4.2% สู่ระดับต่ำสุดในรอบกว่า 2 สัปดาห์ หลังบริษัทเปิดเผยโครงการออกตราสารเพื่อการพาณิชย์มูลค่ามากถึง 3 พันล้านดอลลาร์เมื่อวันที่ 8 ก.ย.ที่ผ่านมา หลังการเปิดเผยผลประกอบการไตรมาส 3
หุ้นอาร์ม โฮลดิงส์ ร่วง 4.5% ในการซื้อขายเป็นวันที่สอง หลังเปิดการซื้อขายวันแรกได้อย่างแข็งแกร่งในวันพฤหัสบดี (14 ก.ย.) ซึ่งทำให้เกิดความหวังเกี่ยวกับการฟื้นตัวของตลาด IPO