InfoQuest - ตลาดหุ้นยุโรปปิดลบในวันพฤหัสบดี (7 ก.ย.) เนื่องจากหุ้นกลุ่มผลิตชิปร่วงลงจากรายงานที่ว่า จีนได้เพิ่มการควบคุมการใช้โทรศัพท์ไอโฟนของแอปเปิ้ลของเจ้าหน้าที่รัฐบาล และหุ้นกลุ่มเหมืองแร่ร่วงลงตามราคาโลหะ
ทั้งนี้ ดัชนี STOXX 600 ปิดตลาดที่ระดับ 453.67 จุด ลดลง 0.63 จุด หรือ -0.14%
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 7,196.10 จุด เพิ่มขึ้น 2.01 จุด หรือ +0.03%, ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 15,718.66 จุด ลดลง 22.71 จุด หรือ -0.14% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,441.72 จุด เพิ่มขึ้น 15.58 จุด หรือ +0.21%
ตลาดหุ้นยุโรปปรับตัวลงเป็นวันที่ 7 ติดต่อกัน ซึ่งเป็นการลดลงต่อเนื่องยาวนานที่สุดนับตั้งแต่เดือนก.พ. 2561
หุ้นกลุ่มบริษัทเซมิคอนดักเตอร์ของยุโรปร่วงลงจากรายงานข่าวที่ว่า ในช่วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านมาจีนได้ขยายมาตรการควบคุมการใช้โทรศัพท์ไอโฟนของเจ้าหน้าที่รัฐ โดยแจ้งให้พนักงานในหน่วยงานกลางของรัฐบาลบางแห่งหยุดใช้โทรศัพท์ของแอปเปิ้ลในที่ทำงาน
หุ้นเอสทีไมโครอิเล็กทรอนิกส์ซึ่งเป็นซัพพลายเออร์ของแอปเปิ้ลร่วง 4.1% ขณะที่หุ้นบีอี เซมิคอนดักเตอร์, นอร์ดิก เซมิคอนดักเตอร์, เอเอสเอ็ม อินเตอร์เนชันแนล, อินฟินีออน และเอเอสเอ็มแอล ร่วงลง 2.6-6.3%
หุ้นกลุ่มเทคโนโลยี ร่วงลง 2.0% โดยปรับตัวลงวันเดียวมากที่สุดในรอบ 2 สัปดาห์
หุ้นกลุ่มเหมืองแร่ร่วงลง 2.0% เนื่องจากราคาโลหะส่วนใหญ่ร่วงลงหลังดอลลาร์แข็งค่าและวิตกเกี่ยวกับอุปสงค์ของจีนที่ลดลง โดยจีนเป็นผู้ใช้โลหะรายใหญ่
ข้อมูลบ่งชี้ว่า การส่งออกและนำเข้าของจีนลดลงในเดือนส.ค. โดยแรงกดดันทั้งจากอุปสงค์ต่างประเทศที่ลดลงและการใช้จ่ายที่อ่อนแอของผู้บริโภคจีนส่งผลกระทบต่อธุรกิจต่าง ๆ ในจีน
หุ้นกลุ่มสินค้าหรูหราที่พึ่งพาตลาดจีน อาทิ แอลวีเอ็มเอช ลดลง 1.0% และหุ้นประกันพรูเดนเชียลซึ่งพึ่งพาตลาดจีนด้วยเช่นกันนั้น ร่วงลง 3.2%
อย่างไรก็ตาม หุ้นกลุ่มปลอดภัย อาทิ กลุ่มสาธารณูปโภคและกลุ่มเฮลท์แคร์ ซึ่งไม่ได้รับผลกระทบจากวงจรเศรษฐกิจนั้น ปรับตัวขึ้น 1.4% และ 1.2% ตามลำดับ ได้ช่วยลดช่วงติดลบของตลาด
บรรดานักลงทุนจะจับตาการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางยุโรป (ECB) ในวันที่ 14 ก.ย.นี้ ซึ่งคาดว่า ECB จะยุติการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยหลังจากปรับขึ้นต่อเนื่อง 9 ครั้งติดต่อกัน