💎 ดูบริษัทต่าง ๆ ที่มีสุขภาพทางการเงินที่ดีที่สุดในตลาดปัจจุบันเริ่มต้นเลย

(เพิ่มเติม) ภาวะตลาดหุ้นไทย: แนวโน้มดัชนีเช้าอ่อนตัวรับฟิทช์หั่นเครดิตสหรัฐกดดัน จับตาพลิกขั้วจัดตั้งรัฐบาล

เผยแพร่ 03/08/2566 16:36
© Reuters.  (เพิ่มเติม) ภาวะตลาดหุ้นไทย: แนวโน้มดัชนีเช้าอ่อนตัวรับฟิทช์หั่นเครดิตสหรัฐกดดัน จับตาพลิกขั้วจัดตั้งรัฐบาล
DX
-
CL
-
SETI
-

InfoQuest - นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล, CISA ผู้อำนวยการอาวุโส สายงานวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ บล.ทิสโก้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้อ่อนตัวลง จากสหรัฐถูกฟิทช์ เรทติ้งส์ ลดอันดับความน่าเชื่อถือลงสู่ระดับ AA+ จาก AAA ส่งผลให้บอนด์ยีลด์สหรัฐปรับตัวขึ้นยืนเหนือระดับ 4% กดดันราคาสินทรัพย์เสี่ยง ขณะที่ปัจจัยในประเทศยังรอดูการแถลงเปิดตัวพรรคร่วมรัฐบาลของพรรคเพื่อไทยในวันนี้ หากจับขั้วพรรครัฐบาลเดิมก็อาจทำให้นักลงทุนเกิดความกังวลว่าจะมีความรุนแรงเกิดขึ้น หรือมีม็อบตามมา

อีกทั้งติดตามวันนี้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาว่าจะรับคำร้องของผู้ตรวจการแผ่นดินไว้วินิจฉัยหรือไม่กรณีรัฐสภามีมติไม่เห็นชอบกับการเสนอชื่อ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกลและแคนดิเดทนายกรัฐมนตรีเป็นนายกฯ รอบสอง ขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญหรือไม่ หากมีการรับคำร้องและให้ชะลอการโหวตเลือกนายกฯ ออกไปก่อน ก็จะทำให้วันที่ 4 ส.ค.นี้ ไม่มีการโหวต ส่งผลให้การเมืองยืดเยื้อต่อเนื่อง

ให้แนวรับไว้ที่ 1,545-1,535 จุด และแนวต้าน 1,560-1,562 จุด

*ประเด็นพิจารณาการลงทุน

- ตลาดหุ้นนิวยอร์ก (2 ส.ค.) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 35,282.52 จุด ลดลง 348.16 จุด หรือ -0.98%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,513.39 จุด ลดลง 63.34 จุด หรือ -1.38% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 13,973.45 จุด ลดลง 310.47 จุด หรือ -2.17%

- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนีฮั่งเส็งตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดภาคเช้าที่ระดับ 19,404.14 จุด ลดลง 113.24 จุด หรือ -0.58%, ขณะที่ดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตเปิดภาคเช้าที่ระดับ 3,254.57 จุด ลดลง 7.12 จุด หรือ -0.22% และดัชนีนิกเกอิเปิดตลาดที่ระดับ 32,375.85 จุด ลดลง 331.84 จุด หรือ -1.01%

- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (2 ส.ค.66) 1,550.28 จุด ลดลง 5.78 จุด (-0.37%) มูลค่าซื้อขาย 54,924.46 ล้านบาท

- นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 2,570.15 ล้านบาท เมื่อวันที่ 2 ส.ค.66

- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ก.ย. (2 ส.ค.) ลดลง 1.88 ดอลลาร์ หรือ 2.3% ปิดที่ 79.49 ดอลลาร์/บาร์เรล

- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (2 ส.ค.) อยู่ที่ 13.12 เหรียญ/บาร์เรล

- เงินบาทเปิด 34.43 อ่อนค่า จับตาประชุม BoE-ตัวเลขศก.สหรัฐ-การเมืองในปท.

- กนง. มีมติเอกฉันท์ขึ้นดอกเบี้ยนโยบาย 0.25% จากเดิม 2% เป็น 2.25% เนื่องจากเศรษฐกิจยังคงฟื้นตัวต่อเนื่อง อาจจะเป็นแรงกดดันด้านอุปสงค์ทำอัตราเงินเฟ้อเร่งตัวสูงขึ้น ด้านอัตราการเติบโตเศรษฐกิจต่ำกว่าประมาณการณ์ เพราะการส่งออกสินค้าหดตัวตามเศรษฐกิจจีนและวัฏจักรอิเล็กทรอนิกส์โลกที่ฟื้นตัวได้ช้า จับตาเงินเฟ้ออาจจะปรับสูงขึ้นอีกในช่วงครึ่งปีหลังและปีหน้า

- จับตาเปิดสูตรใหม่วันนี้ "รัฐบาลเพื่อไทย" 263 เสียง "ไม่มีก้าวไกลไม่มีลุง" เพื่อไทยประกาศฉีกเอ็มโอยู สลัด "ก้าวไกล" เป็นฝ่ายค้านโชว์วาระแรกตั้ง ส.ส.ร. ทำประชามติแก้รัฐธรรมนูญ ก่อนคืนอำนาจให้ประชาชน ด้าน "ชัยธวัช" แถลง 3 ข้อ ขอโทษประชาชน ลั่นพร้อมทำหน้าที่ทุกบทบาท เผย "ประวิตร" เรียกส.ส. "พปชร." ประชุมด่วน ต้องเข้าร่วมทั้งพรรค ห้ามแตกแถว

- ฟิทช์ เรทติ้งส์ หั่นเครดิตสหรัฐจาก AAA เหลือ AA+ เหตุภาวะการถดถอย ทางการคลัง และปัญหาภาระหนี้ภาครัฐที่เพิ่มขึ้น ด้านสหรัฐเคืองถูกหั่นเครดิต ชี้นักลงทุนทั่วโลก ยังเชื่อมั่นเศรษฐกิจสหรัฐ ขณะดาวโจนส์ ฟิวเจอร์ดิ่งกว่า 100 จุด รับข่าวร้าย

*หุ้นเด่นวันนี้

- บมจ. เคซีจี คอร์ปอเรชั่น เข้าเทรดวันแรกใน SET กลุ่มเกษตรและอุตสาหกรรมอาหาร หมวดอาหารและเครื่องดื่ม ชื่อย่อ KCG ราคา IPO ที่ 8.50 บาท ประกอบธุรกิจผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์อาหารที่หลากหลาย ทั้งผลิตภัณฑ์แปรรูปจากนม เช่น เนย ชีส ภายใต้แบรนด์ที่รู้จักอย่างแพร่หลาย อาทิ "Allowrie" อีกทั้งยังผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ประกอบอาหารและเบเกอรี่ น้ำผลไม้เข้มข้น คุกกี้ แครกเกอร์ และเวเฟอร์ ภายใต้แบรนด์หลักที่นิยม เช่น "Imperial" "DAIRYGOLD" "bake master" "SUNQUICK" "Cookie choice" "Rosy" และ "Violet"

- BDMS (ฟินันเซีย ไซรัส) "ซื้อ" ราคาเป้าหมาย 34.50 บาท คาดกำไรปกติไตรมาส 2/66 ที่ 2.9 พันลบ. -15% q-q เพราะเป็นช่วง Low season ธุรกิจ Healthcare แต่ +10% y-y คาดรายได้ไตรมาส 2/66 +8% y-y จากทั้งผู้ป่วยในประเทศคาด +5% y-y และเกินระดับ pre-covid 23% และผู้ป่วยต่างประเทศคาด +20% y-y และเกิน pre-covid 7% แนวโน้มกำไรไตรมาส 3/66 จะเพิ่มขึ้นทั้ง q-q, y-y จากนักท่องเที่ยวตะวันออกกลางจำนวนมากเข้าไทยหลังรามาดอนหนุนโมเมนต้ม Medical Tourist สูงขึ้น และเป็น High Season ยังคาดกำไรปี 66 ที่ 1.35 หมื่นลบ. +7% y-y

- ADVANC (ลิเบอเรเตอร์) ราคาเป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 240 บาท คาดกำไรหลักไตรมาส 2/66 เติบโตทั้ง q-q และ y-y สู่ระดับ 7 พันล้านบาท จากรายได้จากธุรกิจมือถือ และบรอดแบนด์เพิ่มขึ้น รวมถึงต้นทุนค่าใช้จ่ายการขายและบริหารที่ลดลง จากภาวะการแข่งขันที่ผ่อนคลาย และส่วนแบ่งการตลาดน่าจะเพิ่มเล็กน้อย กระแสเงินสดดี และมีอัตราปันผลราว 3.8% ต่อปี

กดอ่านข่าวต้นฉบับจาก InfoQuest

ความคิดเห็นล่าสุด

การเปิดเผยความเสี่ยง: การซื้อขายตราสารทางการเงินและ/หรือเงินดิจิตอลจะมีความเสี่ยงสูงที่รวมถึงความเสี่ยงต่อการสูญเสียจำนวนเงินลงทุนของคุณบางส่วนหรือทั้งหมดและอาจไม่เหมาะสมกับนักลงทุนทั้งหมด ราคาของเงินดิจิตอลแปรปรวนอย่างมากและอาจได้รับผลกระทบจากปัจจัยภายนอกต่าง ๆ เช่น เหตุการณ์ทางการเงิน กฎหมายกำกับดูแล หรือ เหตุการณ์ทางการเมือง การซื้อขายด้วยมาร์จินทำให้ความเสี่ยงทางการเงินเพิ่มขึ้น
ก่อนการตัดสินใจซื้อขายตราสารทางการเงินหรือเงินดิจิตอล คุณควรตระหนักดีถึงความเสี่ยงและต้นทุนที่เกี่ยวข้องกับการซื้อขายในตลาดการเงิน ควรพิจารณาศึกษาอย่างรอบคอบในด้านวัตถุประสงค์การลงทุน ระดับประสบการณ์ และ การยอมรับความเสี่ยงและแสวงหาคำแนะนำทางวิชาชีพหากจำเป็น
Fusion Media อยากเตือนความจำคุณว่าข้อมูลที่มีในเว็บไซต์นี้ไม่ใช่แบบเรียลไทม์หรือเที่ยงตรงแม่นยำเสมอไป ข้อมูลและราคาที่แสดงไว้บนเว็บไซต์ไม่ใช่ข้อมูลที่ได้รับจากตลาดหรือตลาดหลักทรัพย์เสมอไปแต่อาจได้รับจากผู้ดูแลสภาพคล่องและดังนั้นราคาจึงอาจไม่เที่ยงตรงแม่นยำและอาจแตกต่างจากราคาจริงในตลาดซึ่งหมายความว่าราคานี้เป็นเพียงราคาชี้นำและไม่เหมาะสมสำหรับวัตถุประสงค์เพื่อการซื้อขาย Fusion Media และผู้ให้ข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้จะไม่รับผิดชอบใด ๆ สำหรับความเสียหายหรือการสูญเสียที่เป็นผลมาจากการซื้อขายของคุณหรือการพึ่งพาของคุณในข้อมูลที่มีในเว็บไซต์นี้
ห้ามใช้ จัดเก็บ ทำซ้ำ แสดงผล ดัดแปลง ส่งผ่าน หรือ แจกจ่ายข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้โดยไม่ได้รับการอนุญาตล่วงหน้าอย่างชัดแจ้งแบบเป็นลายลักษณ์อักษรจาก Fusion Media และ/หรือจากผู้ให้ข้อมูล ผู้ให้ข้อมูลขอสงวนสิทธิในทรัพย์สินทางปัญญาและ/หรือการแลกเปลี่ยนข้อมูลที่ให้ข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้
Fusion Media อาจได้รับผลตอบแทนจากผู้โฆษณาที่ปรากฎบนเว็บไซต์โดยอิงจากปฏิสัมพันธ์ของคุณที่มีกับโฆษณาหรือผู้โฆษณา
เวอร์ชั่นภาษาอังกฤษของเอกสารฉบับนี้เป็นเวอร์ชั่นหลักซึ่งจะเป็นเวอร์ชั่นที่เหนือกว่าเมื่อใดก็ตามที่มีข้อขัดแย้งไม่สอดคล้องตรงกันระหว่างเอกสารเวอร์ชั่นภาษาอังกฤษกับเอกสารเวอร์ชั่นภาษาไทย