InfoQuest - ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกเล็กน้อยในวันจันทร์ (24 ก.ค.) โดยได้แรงหนุนจากการปรับตัวขึ้นของหุ้นกลุ่มพลังงานและกลุ่มเทเลคอม แต่ตลาดปรับตัวขึ้นได้ไม่มากนัก เนื่องจากนักลงทุนวิตกเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจถดถอยในยูโรโซน และการร่วงลงของตลาดหุ้นสเปนหลังจากการเลือกตั้งทั่วประเทศไม่ได้ให้ผลชี้ขาดถึงผู้ชนะที่ชัดเจน
ทั้งนี้ ดัชนี STOXX 600 ปิดที่ระดับ 465.68 จุด เพิ่มขึ้น 0.28 จุด หรือ +0.06%
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 7,427.31 จุด ลดลง 5.46 จุด หรือ -0.07%, ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 16,190.95 จุด เพิ่มขึ้น 13.73 จุด หรือ +0.09% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,678.59 จุด เพิ่มขึ้น 14.86 จุด หรือ +0.19%
ตลาดหุ้นยุโรปปรับตัวขึ้นใกล้ระดับสูงสุดในรอบ 5 สัปดาห์ โดยได้แรงหนุนจากหุ้นกลุ่มพลังงานที่เพิ่มขึ้น 1.5% เนื่องจากราคาน้ำมันดิบปรับตัวขึ้นท่ามกลางภาวะปริมาณตึงตัว และได้แรงหนุนจากความหวังเกี่ยวกับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของจีน
หุ้นกลุ่มเทเลคอมช่วยหนุนตลาดด้วย โดยหุ้นโวดาโฟน กรุ๊ป ทะยานขึ้น 4.1% หลังรายงานการขยายตัวในไตรมาสแรก
การเปิดเผยผลประกอบการที่แข็งแกร่งของบริษัทจดทะเบียนช่วยหนุนตลาด โดยหุ้นจูเลียส แบร์ พุ่ง 8.4% หลังเปิดเผยผลกำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 18% ในช่วงครึ่งแรกของปีนี้
อย่างไรก็ตาม ตลาดยังคงถูกกดดันจากการที่ตลาดหุ้นสเปนปรับตัวลงแตะระดับต่ำสุดในรอบเกือบ 1 สัปดาห์ หลังผลการเลือกตั้งเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมาบ่งชี้ว่า ทั้งกลุ่มฝ่ายซ้ายและขวาต่างเผชิญความยากลำบากที่จะจัดตั้งรัฐบาล ซึ่งบ่งชี้ถึงภาวะชะงักงันทางการเมือง และได้เพิ่มความวิตกให้กับนักลงทุน
นอกจากนี้ ปัจจัยลบที่ถ่วงตลาดยังมาจากการเปิดเผยผลสำรวจที่บ่งชี้ว่า กิจกรรมทางธุรกิจของยูโรโซนลดลงมากเกินคาดในเดือนก.ค. เนื่องจากอุปสงค์ในภาคบริการลดลง และการผลิตภาคอุตสาหกรรมลดลงในอัตราสูงสุดนับตั้งแต่เกิดโรคโควิด-19 ระบาด
บรรดานักลงทุนในตลาดได้ปรับตัวรับคาดการณ์ที่ว่า ธนาคารกลางยุโรป (ECB) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก 0.25% สู่ระดับ 3.75% ในสัปดาห์นี้