ดอลลาร์ทรงตัวเนื่องจากข้อมูลค้าปลีกส่งผลกระทบต่อการคาดการณ์การปรับลดอัตราดอกเบี้ย

ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐทรงตัวในวันนี้หลังจากประสบกับการลดลงเนื่องจากตัวเลขยอดค้าปลีกที่น่าผิดหวังในเดือนพฤษภาคม ซึ่งนําไปสู่การแก้ไขข้อมูลของเดือนก่อนหน้า ซึ่งส่งสัญญาณถึงเศรษฐกิจที่ซบเซาในไตรมาสที่สอง การพัฒนานี้ได้เพิ่มโอกาสที่ธนาคารกลางสหรัฐจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย โดยขณะนี้ตลาดคาดการณ์ว่ามีโอกาส 67% ที่จะผ่อนคลายอัตราดอกเบี้ยภายในเดือนกันยายน

คาดว่าจะมีการปรับลดทั้งหมดประมาณ 48 จุดพื้นฐานในช่วงที่เหลือของปี ตามที่ระบุโดยเครื่องมือ CME FedWatch

สเตอร์ลิงปรับตัวลดลงเล็กน้อย โดยซื้อขายลดลง 0.03% ที่ 1.2705 ดอลลาร์ เนื่องจากนักลงทุนรอรายงานอัตราเงินเฟ้อของสหราชอาณาจักรที่มีกําหนดเปิดเผยในวันนี้ ข้อมูลนี้มีความสําคัญอย่างยิ่งก่อนการตัดสินใจด้านนโยบายของธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) ในวันพฤหัสบดี ซึ่งคาดว่าจะคงอัตราดอกเบี้ยไว้ Joseph Capurso หัวหน้าฝ่ายเศรษฐศาสตร์ระหว่างประเทศและยั่งยืนของ Commonwealth Bank of Australia (OTC:CMWAY) (CBA) ตั้งข้อสังเกตว่าอัตราเงินเฟ้อทั่วไปคาดว่าจะลดลงอย่างมากเนื่องจากราคาพลังงานและไฟฟ้าที่ลดลงจากปีที่แล้ว อย่างไรก็ตาม BoE และผู้เข้าร่วมตลาดให้ความสําคัญกับอัตราเงินเฟ้อในภาคบริการมากกว่า ซึ่งเชื่อมโยงอย่างใกล้ชิดกับค่าจ้างและตลาดแรงงาน

ดอลลาร์ออสเตรเลียแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ โดยเพิ่มขึ้นเล็กน้อย 0.08% ที่ 0.6661 ดอลลาร์ ตามท่าทีที่แข็งกร้าวจากนายมิเคเล่ บูลล็อค ผู้ว่าการธนาคารกลางออสเตรเลีย (RBA) อย่างไรก็ตาม ดอลลาร์นิวซีแลนด์ลดลง 0.08% เป็น 0.6140 ดอลลาร์ ขณะที่ค่าเงินยูโรอ่อนค่าลงเล็กน้อยที่ 1.0738 ดอลลาร์ และดัชนีดอลลาร์ซึ่งเปรียบเทียบดอลลาร์สหรัฐกับตะกร้าสกุลเงินทรงตัวที่ 105.28

ในญี่ปุ่น เงินเยนยังคงไม่เปลี่ยนแปลงที่ 157.89 ต่อดอลลาร์ ท่ามกลางการอภิปรายอย่างต่อเนื่องเกี่ยวกับผลกระทบของเงินเยนที่อ่อนค่าต่อราคา ตามที่เปิดเผยในรายงานการประชุมนโยบายเดือนเมษายนของธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ที่เผยแพร่ในวันนี้ Kazuo Ueda ผู้ว่าการ BOJ บอกเป็นนัยถึงการขึ้นอัตราดอกเบี้ยที่อาจเกิดขึ้นในเดือนหน้า ขึ้นอยู่กับข้อมูลเศรษฐกิจที่จะเกิดขึ้น

อย่างไรก็ตาม BOJ คาดว่าจะเข้าใกล้การเปลี่ยนแปลงนโยบายอย่างค่อยเป็นค่อยไป ตามที่นักเศรษฐศาสตร์ของ Wells Fargo แนะนํา เนื่องจากจุดยืนที่ระมัดระวังของ BOJ นับตั้งแต่การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายครั้งล่าสุดในเดือนมีนาคม และการลดการซื้อพันธบัตรอย่างช้าๆ

บทความนี้ถูกแปลโดยใช้ความช่วยเหลือจากปัญญาประดิษฐ์(AI) สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม โปรดอ่านข้อกำหนดการใช้งาน