โดย Ambar Warrick
Investing.com – ค่าเงินกลุ่มสกุลเงินเอเชียปรับตัวขึ้นเล็กน้อยในวันจันทร์ โดยฟื้นตัวจากระดับที่สูญเสียไปจากสัปดาห์ที่แล้วเนื่องจากค่าเงินดอลลาร์อ่อนค่าลง แม้ว่าความมุ่งมั่นของจีนในการรักษานโยบายปลอดโควิดที่เข้มงวดจะทำให้ค่าเงินหยวนอ่อนค่าลงไปบ้าง
สกุลเงินหยวนจีน ร่วงลง 0.1% ใกล้จะทะลุระดับ 7.2 เมื่อเทียบกับดอลลาร์ หลังจากประธานาธิบดี สี จิ้นผิง กล่าวว่าประเทศไม่มีแผนที่จะลดคามเข้มงวดของนโยบายปลอดโควิด
จากนโยบายดังกล่าวมี่ได้กระตุ้นให้เกิดการล็อกดาวน์อย่างเข้มงวดหลายครั้งในปีนี้นั้นคือปัจจัยหลักที่ทำให้เศรษฐกิจของจีนชะลอตัวในช่วงเร็ว ๆ นี้
ความเห็นของประธานาธิบดีของจีนที่เกิดขึ้นระหว่างการประชุมใหญ่ระดับชาติของพรรคคอมมิวนิสต์จีนครั้งที่ 20 เกิดขึ้นในช่วงที่การติดเชื้อในเซี่ยงไฮ้กลับมาระบาดอีกครั้ง
แต่ประธานาธิบดีได้ให้คำมั่นว่าจะมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมเพื่อช่วยสนับสนุนการเติบโตทางเศรษฐกิจในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า ค่าเงิน หยวนนอกชายฝั่ง เพิ่มขึ้น 0.2% แต่ซื้อขายใกล้ระดับต่ำสุด
สกุลเงินเอเชียอื่น ๆ ได้รับประโยชน์จากการอ่อนค่าลงบางส่วนใน ดัชนีดอลลาร์ ซึ่งลดลง 0.3% ในวันจันทร์ ดัชนีดอลลาร์ฟิวเจอร์ส ก็ร่วงลงในส่วนต่างที่ใกล้เคียงกัน
ถึงกระนั้น ความคาดหวังของการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างรวดเร็วของสหรัฐฯ ยังคงรักษาความเชื่อมั่นของภูมิภาคในเชิงลบ โดยตลาดได้เชื่อว่ามี โอกาสเกือบ 100% ที่เฟดจะขึ้นดอกเบี้ย 75 จุดพื้นฐานในเดือนพฤศจิกายน
ค่าเงิน เยน ซึ่งเป็นหนึ่งในสกุลเงินที่ทำผลงานแย่ที่สุดในปีนี้เนื่องจากได้รับผลกระทบจากค่าเงินดอลลาร์ที่แข็งค่าขึ้นอีก 0.1% แต่เงินเยนยังคงอยู่ระดับใกล้เคียงกับระดับที่เห็นครั้งล่าสุดในปี 1990 เนื่องจากช่องว่างระหว่างอัตราดอกเบี้ยในประเทศและสหรัฐฯ กว้างขึ้น
ค่าเงิน วอนเกาหลีใต้ เพิ่มขึ้น 0.4% โดยได้รับแรงหนุนจากข้อมูลที่แสดงว่า การเติบโตของการส่งออกของประเทศคงที่ ในเดือนกันยายน แต่การอ่านค่ายังคงอยู่ในระดับที่อ่อนแอที่สุดนับตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2020 เนื่องจากโรงงานในเกาหลีใต้ยังคงต่อสู้กับปัญหาราคาวัตถุดิบที่เพิ่มขึ้น
การชะลอตัวของเศรษฐกิจจีนซึ่งเป็นคู่ค้ารายใหญ่ที่สุดของประเทศได้ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจเกาหลีใต้ในปีนี้เช่นกัน
ค่าเงินดอลลาร์ที่แข็งค่า ประกอบกับแนวโน้มเศรษฐกิจที่อ่อนตัวลงในจีนและตลาดภูมิภาคอื่น ๆ ได้ฉุดความต้องการเงินสกุลเอเชียในปีนี้ โดยหลายหน่วยสกุลเงินได้แตะระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์เมื่อเทียบกับดอลลาร์ แนวโน้มนี้คาดว่าจะดำเนินต่อไปในระยะสั้น เนื่องจากธนาคารกลางสหรัฐฯ ยังคงขึ้นอัตราดอกเบี้ย
ในที่อื่น ๆ ค่าเงิน ปอนด์อังกฤษ พุ่งขึ้น 0.6% หลังจากนายกรัฐมนตรีอังกฤษ ลิซ ทรัสส์ ปรับลดสัดส่วนแผนเศรษฐกิจของรัฐบาลของเธอบางส่วน โดยรัฐบาลจะขึ้นภาษีนิติบุคคลเพื่อช่วยสนับสนุนการเงินของรัฐบาลที่ลดน้อยลง
จุดสนใจของตลาดยังอยู่ที่ว่าตลาดตราสารหนี้ของสหราชอาณาจักรจะซื้อขายอย่างไร หลังจากที่ธนาคารแห่งประเทศอังกฤษถอนการสนับสนุนตลาดตราสารหนี้ในวันศุกร์ โดยราคา พันธบัตร อยู่ที่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์
ค่าเงินบาท ยังทรงตัวอยู่ที่ 38.225 บาทต่อดอลลาร์ในช่วงเช้า